กรังด์ปรีซ์ผนึกกำลังพันธมิตรประกาศความพร้อม ROYAL’S CUP 2020 12-15 มี.ค.63 นี้ ณ GRAND PRIX GOLF CLUB กาญจนบุรี

ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ นายพลัฎฐ์  สุวรรณเมธากร ผู้อำนวยการกองบริหารงานและมาตรฐานกีฬาอาชีพ ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวยอาชีพ การกีฬาแห่งประเทศไทย, มร.โช มินน์ ตันท์ ประธานบริหารและซีอีโอ เอเซี่ยน ทัวร์ และตัวแทนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกันแถลงข่าว การแข่งขันกอล์ฟอาชีพ ถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รายการ ROYAL’S CUP 2020  เมื่อวันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 ณ ห้องสราญรมย์ โซนไมซ์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โพธาลัย เลเชอร์ ปาร์ค


ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และประธาน สนาม กรังด์ปรีซ์ กอล์ฟ คลับ อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า “การจัดการแข่งขันกอล์ฟอาชีพ ถ้วยพระราชทาน

โดย ดร.ปราจิน  เอี่ยมลำเนา กล่าวว่า “การจัดการแข่งขันรายการ ROYAL’S CUP 2020  มีวัตถุประสงค์ก็เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ตลอดจนสร้างมูลค่าให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการจัดการแข่งขันกีฬาสู่ระดับสากล พัฒนาบุคลากรด้านการแข่งขันกอล์ฟมืออาชีพให้มีศักยภาพสูงขึ้น ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย และกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ

รายการ ROYAL’S CUP ถือเป็นการแข่งขันกอล์ฟมืออาชีพ ชิงถ้วยพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งปีนี้จะมีนักกอล์ฟเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดประมาณ 150 คน ประกอบด้วยนักกอล์ฟสมาชิกเอเชี่ยนทัวร์ 90 คน นักกอล์ฟไทย 40 คน และนักกอล์ฟรับเชิญ 20 คน ได้แก่ สก็อตต์ เฮนด์ จาก ออสเตรเลีย ชีฟ คาปูร์ จากอินเดีย รวมถึงนักกอล์ฟอาชีพชั้นนำชาวไทยทั้ง ภูมิ ศักดิ์แสนศิลป์, พชร คงวัดใหม่, ปวิธ ตั้งกมลประเสริฐ, และ กัญจน์ เจริญกุล ต่างตอบรับเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อชิงเงินรางวัลกว่า 400,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือ 12 ล้านบาทไทย ซึ่งจะแข่งขันกันในสนาม GRAND PRIX GOLF CLUB อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ระหว่างวันที่ 12-15 มีนาคม 2563 ที่จะถึงนี้ พร้อมกับมีการถ่ายทดอสดภายในประเทศ 2 วันสุดท้าย เวลา 13.00-16.00 น. ผ่านทางเครือข่ายทรูวิชั่นส์ นอกจากนี้การจัดการแข่งขัน ROYAL’S CUP 2020 ในปีนี้ ยังถือเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองในโอกาสที่ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ที่ได้ดำเนินธุรกิจก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 ในปี พ.ศ. 2563 อีกด้วย ”

ส่วนนายพลัฏฐ์ สุวรรณาเมธากร  ผู้อำนวยการกองบริหารงานและมาตรฐานกีฬาอาชีพ ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย  การกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “รายการROYAL’S CUP 2020 ถือว่ามีส่วนสนับสนุนอย่างมากในการยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการจัดการแข่งขันกีฬากอล์ฟระดับสากล  จากการที่กลุ่มนักกอล์ฟชั้นนำเดินทางมาแข่งขันเพื่อสะสมคะแนน GOLF WORLD RANKING อีกทั้งยังช่วยสร้างโอกาสให้นักกอล์ฟอาชีพของไทยได้มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟอาชีพระดับสากลอันจะส่งผลถึงการพัฒนาศักยภาพสู่ระดับโลก รวมถึงการพัฒนาบุคลากรด้านผู้ตัดสินกอล์ฟอาชีพ ผู้ฝึกสอนกอล์ฟอาชีพ แคดดี้อาชีพ และผู้จัดการแข่งขันกอล์ฟอาชีพให้มีมาตรฐานการปฏิบัติงานสูงขึ้น นอกจากนี้  รายการROYAL’S CUP 2020 ยังนำเสนอกิจกรรมกอล์ฟคลินิก ซึ่งเปิดโอกาสให้กับบุคคลทั่วไปที่สนใจในกีฬากอล์ฟได้เข้าร่วม เพื่อเป็นการกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้เทคนิคและรับประสบการณ์ตรงจากนักกอล์ฟอาชีพ โดยมีเป้าหมายให้เกิดการพัฒนาฝีมือและสั่งสมประสบการณ์ในการเล่นกอล์ฟ ซึ่งจะส่งผลให้กีฬากอล์ฟได้รับความนิยมมากขึ้นในอนาคต”

ด้าน มร. โช มินน์ ตันท์ ประธานบริหารและซีอีโอ เอเชียน ทัวร์ กล่าวว่า “เอเชียน ทัวร์ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับผู้จัดงานที่เปี่ยมศักยภาพอย่าง กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ในการจัดงานแข่งขันกอล์ฟอาชีพครั้งนี้ อีกทั้งเอเชียน ทัวร์ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ ดร.ปราจิน ได้เลือก เอเชียน ทัวร์ เป็นพันธมิตรจัดงาน เพื่อแสดงถึงศักยภาพอีกด้านหนึ่งของบริษัทนอกเหนือจากธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การแข่งขันของเอเชียน ทัวร์ ที่จะมีการจัดทัวร์นาเมนท์แมตช์สำคัญที่จังหวัดกาญจนบุรี ภายใต้มาตรฐานการจัดงานและบริการระดับสูงของสนาม กรังด์ปรีซ์ กอล์ฟ คลับ โดยนักกอล์ฟสมาชิก เอเชียน ทัวร์ ที่มาร่วมงานครั้งนี้จะได้แข่งขันและร่วมเก็บคะแนนสะสมเพื่อทำอันดับให้ดีขึ้น ในประเทศที่สร้างแชมป์นักกอล์ฟมาแล้วมากมาย และเรามั่นใจว่าผู้เข้าชมจะได้สัมผัสกับบรรยากาศการแข่งขันที่สนุกสนานเร้าใจ ภายในสนาม กรังด์ปรีซ์ กอล์ฟ คลับ แห่งนี้อย่างแน่นอน”

รายการ ROYAL’S CUP 2020 ยังถือว่าเป็นการแข่งขันกอล์ฟอาชีพโลกรายการแรก ที่มีค่ายรถยนต์เข้ามาให้การสนับสนุนมากมาย โดยปีนี้มีการตั้งรางวัลพิเศษ 7 รางวัล โดยผู้ชนะที่สามารถทำโฮลอินวันได้เป็นคนแรกในหลุมที่ 3, 5, 12 และ 16 จะได้รับรางวัลรถยนต์ MG รุ่น ZS EV, รถยนต์ MITSUBISHI ALL NEW XPANDER, รถยนต์ MAZDA CX-5 2.0 SP และ รถยนต์ TOYOTA CAMRY 2.5 HYBRID ตามลำดับ ส่วนผู้ชนะที่สามารถทำอัลบาทรอสได้เป็นคนแรกในหลุมที่ 2, 14 และ 18 จะได้รับรางวัลรถยนต์ VOLKSWGAN MULTIVAN, FIAT CLASSIC CAR-FIAT 850 SPORT SPIDER (1968-1974) และ ISUZU ALL-NEW D-MAX HI-LANDER 4 ประตู 1.9 DDI BLUE POWER GEN 2 รุ่น Z รวมมูลค่ามากกว่า 12 ล้านบาท

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *