รถขับเคลื่อน 4 ล้อนั้น มีความเอนกประสงค์และสมรรถนะมากกว่ารถทั่วๆ ไป ปัจจุบันมีให้เลือกใช้มากมายหลายแบบ ทั้งแบบ Full-Time เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบตลอดเวลา และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Part-Time ในปัจจุบันที่นิยมใช้มีอยู่ 3 แบบ คือ แบบกลไก, แบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ AWD หรือแบบเรียลไทม์ (Real Time) สามารถถ่ายเทกำลังไปยังล้อต่างๆ ได้เองโดยอัตโนมัติ
ครั้งนี้ทาง Grand Prix Motor Park จะพาท่านไปรู้จักกับระบบต่างๆ และวิธีการใช้เกียร์ให้ถูกต้องตามสถานการณ์ โดยเฉพาะเกียร์แบบพาร์ทไทม์ (Part Time)
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อนั้น มีให้เลือกแบบ 4 ล้อธรรมดา (4H) กับ 4 ล้อใช้ความเร็ว (4HLc) แยกออกมา แต่ส่วนใหญ่จะมีให้ใช้งานเพียง 3 ระบบ ก็คือ 2H, 4H และ 4L นั่นเอง การใช้งานปกติในชีวิตประจำวันเราจะใช้เกียร์ 2H (2 High) เป็นหลัก เป็นเกียร์ซึ่งถ่ายกำลังเครื่องยนต์ลงสู่ล้อหลังทั้ง 2 ล้อ ส่วนล้อหน้าชุดเกียร์มิได้ขับเคลื่อน แต่อย่างใด สภาพเส้นทางที่เหมาะสมกับเกียร์ 2H ก็คือ สภาพถนนทางเรียบ สามารถทำความเร็วตามปกติ
ส่วนเกียร์ 4H (4 High) เป็นชุดเกียร์ที่มีการกระจายแรงบิดจากเครื่องยนต์ลงสู่ล้อทั้ง 4 ล้อที่เท่ากัน ในอัตราส่วน 50:50 การเลือกใช้ตำแหน่งเกียร์จาก 2H ไปยังตำแหน่ง 4H เราไม่จำเป็นต้องจอดรถ ในย่านความเร็วที่ไม่เกิน 80-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ด้วยระบบ Shift on the fly เส้นทางที่เราควรใช้เกียร์ 4H ก็คือ สภาพที่ถนนมีพื้นผิวหน้าลื่น ฝนตกและพื้นผิวล่างไม่แข็ง เช่น ทางลูกรังผิวเรียบถึงผิวขรุขระปานกลาง มีการเกาะถนนและเข้าโค้งที่ดีกว่า รวมทั้งเส้นทางที่มีความลาดชัน และคดเคี้ยวบนภูเขา การเลือกใช้เกียร์ 4H จะทำให้การสึกหรอของรถน้อยลง ไม่ต้องใช้รอบเครื่องสูงมาก แต่มีข้อควรระวังก็คือ วงเลี้ยวของรถจะกว้าง จึงไม่เหมาะที่จะใช้ในเมือง หรือจะเลี้ยวในที่แคบๆ
เกียร์ 4L (4 Low) เป็นเกียร์ที่มีอัตราทดเกียร์สูง ทำให้เกิดแรงบิดสูงตามไปด้วย มากกว่าเกียร์ปกติเกือบเท่าตัว การเข้าเกียร์สู่ตำแหน่ง 4L ต้องหยุดรถให้สนิททุกครั้ง หากเป็นรถบางรุ่นที่ต้องทำการบิดดุมล้อ (HUB) ก็ให้ทำการบิดด้วย สำหรับรถที่ไม่ต้องบิดดุมล้อหรือรุ่นใหม่ๆ เมื่อเข้าเกียร์อยู่ในตำแหน่ง Slow ไฟก็จะโชว์ขึ้นที่หน้าปัดให้ทราบว่าได้เข้าเกียร์ 4L แล้ว เหมาะสมสำหรับเส้นทางที่เป็นเนินเขาขึ้นหรือทางลงลาดชันมากๆ ตลอดจนเส้นทางทุรกันดาร หินกรวด หลุมบ่อ หล่มใหญ่ ลำห้วย ทางทรายและทางโคลน ที่ต้องการประสิทธิภาพในการใช้แรงฉุดค่อนข้างสูง แต่ก็มีข้อควรระวังเช่นกัน เนื่องจากวงเลี้ยวจะกว้างมากกว่าปกติ และด้วยแรงบิดที่สูงในเกียร์ธรรมดาจึงห้ามเลียคลัตช์โดยเด็ดขาด เพราะทำให้ให้คลัตช์ไหม้ได้ง่าย และห้ามกดคันเร่งอย่างรุนแรงเพราะทำให้รถเกิดความเสียหายได้
