มาเรียนรู้ทักษะ การขับรถออฟโรดขั้นพื้นฐานอย่างถูกวิธีกับ Grand Prix Motor Park กันเถอะ (Part 3)

หลักสูตรที่ 9 .ข้อปฏิบัติในการขับรถออฟโรดขั้นพื้นฐานที่ถูกวิธี

ข้อปฏิบัติพื้นฐาน 7 ประการในการขับรถ 4WD

1.การจับพวงมาลัย

การจับพวงมาลัยถือเป็นอันดับแรกเมื่อเราก้าวเท้าขึ้นสู่รถ การจับพวงมาลัยของรถทางเรียบ นั่นเป็นวิธีการที่ผิด การจับพวงมาลัยที่ถูกต้องมือของเราต้องกำอยู่ภายนอกวงพวงมาลัยเท่านั้น ห้ามสอดหรือนำมือลอดเข้าไปในพวงมาลัยโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะในช่วงที่จำเป็นต้องเลี้ยวในเส้นทางแบบออฟโรด เพราะหากล้อใดล้อหนึ่งของรถตกลงไปในหลุม พวงมาลัยจะตีกลับอย่างแรง หากเราสอดมือเข้าไปจะได้รับบาดเจ็บทันทีถึงขั้นข้อมือหักก็มีเยอะ

อีกประการหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องกำพวงมาลัยจนแน่นถึงขนาดกับเกร็ง ควรเป็นแบบธรรมชาติไม่ฝืน จะทำให้เราสามารถควบคุมพวงมาลัยได้ดีกว่า และไม่เกิดการสะท้านเมื่อรถเกิดการกระแทกหรือตกหลุม ทำให้สามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

2.การคาดเข็มขัดนิรภัย

จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกคนต้องคาดเข็มขัดนิรภัย เมื่ออยู่บนเส้นทางออฟโรด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย หนทางข้างหน้าเราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า รถจะพลิกคว่ำหรือประสบอุบัติเหตุเมื่อใด ดังนั้นขอให้ปฏิบัติจนเป็นนิสัยอีกข้อหนึ่ง ให้คำนึงว่าเมื่อใดก็ตามที่ก้าวเท้าขึ้นไปนั่งบนรถ สิ่งแรกที่ต้องกระทำคือคาดเข็มขันนิรภัยทันที แต่ก็มีกรณียกเว้นเมื่อเราขับข้ามน้ำลึกหรือข้ามลำห้วยต่างๆ ที่เสี่ยงต่อรถพลิกคว่ำไปตามกระแสน้ำ

3.ลดกระจกมองข้างลง เมื่อข้ามอุปสรรคหรืออยู่ในสถานการณ์คับขัน

การขับรถในเส้นทางแบบออฟโรดที่ดี เมื่อต้องขับผ่านอุปสรรคและปัญหาต่างๆ หรือในเส้นทางทุรกันดาร ส่วนใหญ่จะต้องลดกระจกข้างลง โดยเฉพาะเมื่อถึงจุดที่ต้องวางตำแหน่งล้อ ซึ่งเราจำเป็นต้องชะโงกหน้าออกมามองล้อหน้า-หลัง ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีขับข้ามสะพานซุง การขับที่ถูกวิธีไม่ควรขับผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มองหรือเล็งไลน์ อาจทำให้รถตกสะพานได้ ควรชะโงกหน้าออกมาดูก่อนเพื่อให้แน่ใจ แต่ไม่ควรชะโงกออกมามากเกินไป อาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้เช่นกัน หากรถพลิกคว่ำหรือเกิดเบียดกับต้นไม้ รวมทั้งหน้าผา เป็นต้น อีกเหตุผลหนึ่งการขับรถในเส้นทางออฟโรด รถของเราจะเอียงซ้าย-ขวา ไปมา บางครั้งตกหลุมอย่างแรงทำให้หัวกระแทกกระจกได้ และที่สำคัญการลดกระจกลงนั้น เพื่อให้เราสามารถได้ยินเสียงของผู้ที่ทำหน้าที่บอกไลน์ที่อยู่ภายนอกอีกด้วย   

4.หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าแตะ

การใส่รองเท้าแตะ อาจทำให้การควบคุมรถไม่ได้ดีเท่าที่ควร เช่น ในสภาพฝนตก มีโคลนเลอะยิ่งเมื่อขับผ่านน้ำ หรือเดินลงมาลุยโคลน แล้วกลับขึ้นไปขับต่อ การใส่รองเท้าแตะขับจะทำให้ลื่น ส่งผลให้เท้าหลุดจากคันเร่ง คลัทช์ หรือเบรก หรือในช่วงฉุกละหุกจะเหยียบเบรกเท้าอาจลื่นไถลไปเหยียบคันเร่งแทนก็ได้

นอกจากนี้การใส่รองเท้าแตะอาจไม่ปลอดภัยเท่าใดนัก ในขณะที่เราอยู่ในป่า เท้าอาจเดินไปเหยียบหนามได้ รองเท้าที่ดีที่สุดในการใส่ขับรถออฟโรด ควรเป็นรองเท้าผ้าใบ รองเท้าหุ้มข้อ ที่มีพื้นหนาๆ เพื่อความคล่องตัว

5.ปรับเบาะนั่งไม่ให้เอนจนเกินไป

การขับรถในเวลาปกติของคนเรา  ยึดหลักสบายๆ คล่องตัวในเวลาขับขี่ แต่ตรงกันข้ามกับการขับรถออฟโรด ที่ต้องปรับเบาะให้เดินหน้าและตั้งตรงกว่าปกติ โดยเฉพาะขับขึ้นทางชัน เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการมองได้มากกว่าปกติ โดยเฉพาะมุมเงยมุมแคบหรือมุมที่เราต้องการมองเห็นได้กว้างไกล หรือแม้แต่พื้นผิวเส้นทางที่อยู่ใกล้รถเพียงไม่กี่เมตร การปรับพนักพิงให้อยู่ในระดับพอดี จะทำให้สามารถมองเห็นลักษณะเส้นทางได้ดียิ่งขึ้น

6.เก็บของหรือสัมภาระที่เป็นอันตรายในรถให้เรียบร้อย

ของที่อันตรายในที่นี้ คือ ของมีคมและของแหลม เช่น มีด ไขควง คีม หรืออุปกรณ์ต่างๆ เนื่องจากเวลาเข้าเส้นทางออฟโรดนั้น การให้ตัวของรถจะโยนไป-มา สิ่งของต่างๆ ที่กล่าวมาจะเริ่มกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ในรถ อาจจะตกมากระแทกผู้ขับหรือเกิดอันตรายได้ หากในรถของเรามีสิ่งของต่างๆ ที่คาดว่าน่าจะเกิดอันตราย โดยเฉพาะของแหลมและของมีคม ขอให้เก็บให้เรียบร้อยในที่ที่ปลอดภัย หรือใส่กล่องนำไปเก็บเอาไว้ท้ายรถจะดีกว่า

7.แต่งกายให้รัดกุม ไม่รุ่มร่าม

ความรุ่มร่ามเป็นศัตรูตัวฉกาจอีกประการหนึ่งเช่นกัน ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง การแต่งกายให้รัดกุมนั้น ควรเป็นเสื้อผ้าที่ใส่สบายๆ เสื้อยืดหรือเสื้อเชิ้ตก็ได้ กางเกงควรเป็นกางเกงขายาวหรือขาสั้นก็ได้ไม่ว่ากันแต่ดูแล้วไม่รุ่มร่ามหรือรกรุงรัง ส่วนรองเท้านั้นก็อย่างที่กล่าวมาแล้วในข้อที่ 4 เป็นรองเท้าหุ้มข้อหรือหุ้มส้นก็ได้ แต่ไม่ควรใส่รองเท้าแตะ

ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เป็นเพียงข้อปฎิบัติตัวพื้นฐาน ในการเตรียมตัวก่อนจะขับรถออฟโรดเท่านั้น ยังมีข้อปฎิบัติอีกมากมายที่ยังไม่ได้เอ่ยถึง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นที่กล่าวมาทั้งหมดไม่มีกฎเกณฑ์อะไรตายตัว เป็นวิธีปฎิบัติที่สืบทอดกันมาจนเป็นสากล และยึดหลักความปลอดภัยเป็นอันดับแรก 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *