การไปกางเต็นท์แบบเอ้าดอร์หรือกลางแจ้งนั้น ส่วนใหญ่ปัญหาแรกๆ ที่จะต้องเจอเลยก็คือ เต็นท์จะเปียกชื้นจากน้ำค้าง หรือเจอฝน รวมทั้งความสกปรกอื่นๆ เช่นเศษหิน เศษดินทราย เป็นต้น ดังนั้นเต็นท์จึงสกปรกแน่นอน จะสกปรกมากหรือน้อยก็ควรทำความสะอาด ถ้าสกปรกน้อยก็ควรทำความสะอาดด้วยการใช้ไม้กวาดเพื่อปัดกวาดเอาเศษขยะภายในเต็นท์ และที่ติดอยู่ตามภายนอกเต็นท์ออกไป และใช้ผ้าชุบน้ำเปล่าพอหมาดๆ นำมาเช็ดถูภายในเต็นท์และภายนอกเต็นท์ ห้ามใช้แปรงขัดเพราะแปรงจะทำให้สารเคลือบหลุดออกเช่นกัน จากนั้นนำไปตากแดดในที่ร่มหรือแดดอ่อนๆ ยามเช้าหรือยามเย็น ควรตากให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันกลิ่นอับและเชื้อราที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ถ้าเต็นท์สกปรกมาก ก็ควรใช้น้ำสะอาดล้างหรือควรใช้น้ำผสมสบู่หรือยาสระผมอย่างอ่อน ห้ามใช้ผงซักฟอกอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้เนื้อผ้าของเต็นท์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น...
คำม่วน เป็นหนึ่งในแขวงของประเทศลาว ตั้งอยู่ตอนกลางค่อนไปทางใต้ ทิศตะวันออกติดกับเวียดนาม ทิศตะวันตกติดกับไทย ทิศเหนือติดกับแขวงบอลิคำไซ ทิศใต้ติดกับแขวงสุวรรณเขต เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ได้มีพิธีเปิดสะพานมิตรภาพ 3 อย่างเป็นทางการ เชื่อมตะวันออก-ตะวันตกจากไทยสู่เวียดนาม และไปจีนตอนใต้ ทำให้คำม่วนกลายเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญอีกแห่งของลาว รัฐบาลลาวได้ประกาศจัดตั้งเขตเศรษฐกิจจำเพาะท่าแขกและเขตเศรษฐกิจจำเพาะภูเขียวเพื่อเป็นการส่งเสริมการลงทุน
ราวคริสต์ศตวรรษที่ 5 แขวงนี้เคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรฟูนันและเจนฬามีชื่อว่า “ศรีโคตรบูร” ต่อมาเมื่อฝรั่งเศสยกทัพมายังเมืองศรีโคตรบูรในปี พ.ศ. 1910 จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นเมืองท่าแขก ด้วยเหตุนี้ภายในเมืองท่าแขกจะพบตึกอาคารสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสหลายแห่ง ในด้านการท่องเที่ยวนั้น ถือว่าแขวงคำม่วนเป็นของใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปอยู่พอสมควร เพราะส่วนใหญ่มักจะเดินทางไปเที่ยวที่ลาวเหนือ อาทิ หลวงพระบาง เชียงขวาง หรือไม่ก็ลาวใต้ เช่น เมืองปากเซ ปากซอง เป็นหลัก สถานที่ท่องเที่ยวที่ฝังตัวอยู่ในแขวงคำม่วนจึงเป็นที่รู้จักน้อยมาก ทั้งๆ ที่แขวงนี้มีอัญมณีด้านการท่องเที่ยวไม่แพ้แขวงอื่นๆ ของลาวใต้ โดยเฉพาะบรรดาถ้ำต่างๆ
และด้วยความใหม่และดิบนี่เอง ทำให้ทาง บริษัท อีซูซุอึ้งง่วนไต๋ สุพรรณ จำกัด จึงได้จัดคาราวานพาสมาชิกเดินทางไปเที่ยวชมแขวงคำม่วน ภายใต้ชื่อ ท่องแดนมหัศจรรย์ใต้พิภพที่ลาวกลาง Isuzu Suphan V-Cross Max โดยไฮไลท์ของทริปครั้งนี้อยู่ที่ถ้ำแซบั้งไฟและถ้ำกองลอ ที่สวยงามติดอันดับโลกของลาว
อย่างไรก็ตามเนื่องจากความดิบใหม่ของบรรดาสถานที่ต่างๆ และขั้นตอนในการผ่านด่านที่ค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร ประกอบกับเมื่อข้ามด่านชายแดนสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งที่ 3 ไปแล้ว การจราจรค่อนข้างจะคับคั่งไปด้วยรถบรรทุก ทั้งของไทย ลาว จีน เวียดนาม ทำให้การเดินทางผิดพลาดเรื่องเวลาไปพอสมควร บวกกับต้องเดินทางไกลนับ 100 กิโลเมตร ผจญกับทางฝุ่นที่ลัดเลาะไปตามเทือกเขาหินปูนอีกราวๆ 50 กิโลเมตร บวกกับการต้องนำรถข้ามแพขนานยนต์ไปทีละคัน กว่าจะได้ทานกลางวันที่เมืองบัวละพาก็ปาเข้าไปเกือบๆ 5 โมงเย็น
ครั้นเสร็จสิ้นจากทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดก็ต้องเร่งรีบแข่งกับเวลาเพื่อร่วมกันมอบสิ่งต่างๆ ของให้กับโรงเรียนที่บัวละพา ซึ่งเด็กๆ มารอคอยขบวนตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ จนพลบค่ำท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น และลมกรรโชกตลอดเวลา
อย่างไรก็ตามขบวนทั้งหมด ต้องขับฝ่าเส้นทางอันยากลำบากสไตล์ออฟโรดที่เต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะอีกราว 10 กว่ากิโลเมตร เพื่อไปกางเต็นท์พักแรมคืนที่บริเวณด้านหน้าของถ้ำแซบั้งไฟ ที่ตั้งอยู่ใจกลางวงล้อมแห่งขุนเขากั้นพรมแดนลาว-เวียดนาม ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบายและไม่หนาวเกินไปนัก
ในช่วงเช้าสมาชิกทั้งหมด ก็ทะยอยนั่งเรือพายชมสิ่งมหัศจรรย์ของถ้ำลอดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดติดอันดับโลก ถ้ำเซบั้งไฟ (ThamKhounXe Cave) ได้ชื่อว่ามีแม่น้ำลอดผ่านที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่สำคัญของลาว เป็นสื่งมหัศจรรย์อีกแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถ้ำเซบั้งไฟตั้งอยู่บริเวณหุบเขา Annam Trung Sun พรมแดนระหว่างลาวและเวียดนาม โดยแม่น้ำจะไหลลอดผ่านถ้ำเชื่อมต่อไปสู่แม่น้ำโขงนั่นเอง คนลาวรู้จักถ้ำแห่งนี้มานานหลายศตวรรษ ได้ใช้ประโยชน์ในการตกปลาเพื่อดำรงชีพ และมีการเก็บรังนกเพื่อไปขายทำมาหากิน จนชาวยุโรปได้เริ่มเข้ามาในประเทศลาวและได้ทำการสำรวจและค้นพบถ้ำเซบั้งไฟ และยิ่งเพิ่มความน่าสนใจมากขึ้นไปอีก เมื่อทีมงานสารคดีดังอย่าง National GeogrAPHIC ได้เข้ามาถ่ายทำและมีการเผยแพร่ความสวยงามและมหัศจรรย์ไปทั่วโลก
หลังดื่มด่ำกับความสวยงามของถ้ำแซบั้งไฟกันพอสมควร ทั้งหมดก็เตรียมตัวเดินทางย้อนกลับมาที่เมืองบัวละพา เพื่อเดินทางไปยังเมืองคูนคำ แวะเก็บภาพบรรยากาศสวยๆ โอบล้อมด้วยป่าเขา และธรรมชาติจากเขื่อนแม่น้ำเทิน 2 ที่ตั้งอยู่ในที่ราบสูงนากาย แขวงคำม่วน ประเทศลาว พื้นที่นี้บริเวณป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อันเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายากและใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด เช่น ช้างป่าเอเชีย เป็ดก่า และเซาลา
เป็นอีกวันหนึ่งที่ต้องเดินทางไกลกว่า 300 กิโลเมตร บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยความคดโค้งและลาดชันของขุนเขา กว่าจะถึงเมืองคูณคำก็เกือบๆ สี่ทุ่ม เล่นเอาทุกคนอ่อนล้าไปตามๆ กัน ก่อนเข้าพักที่โรงแรม The Kong Lo View Hotel & Resort หน้าถ้ำกองลอ
ก่อนที่ในช่วงเช้าจะออกเดินไปเที่ยวชมความงดงามของถ้ำกองลอ ด้วยการล่องเรือชมถ้ำกองลอ ถ้ำลอดขนาดใหญ่มีสายน้ำลอดใต้ภูเขายาว 7.5 กิโลเมตร ข้างในมีหาดทรายกว้าง จะมีรูปหินย้อยสวยงาม เป็นถ้ำที่มีน้ำไหลตลอดปี ซึ่งนอกจากจะเป็นถ้ำที่ใหญ่ และสวยงามแล้ว ประชาชนในหมู่บ้านยังใช้ถ้ำนี้เป็นเส้นทางเดินเรือจากเมืองคูนคำขื้นสู่ เมืองนากายได้อีกด้วยโดยมีเรือหางยาวให้บริการนั่งได้ลำละไม่เกิน 3 คนพาเที่ยวชม ส่วนหน้าถ้ำกองลอมีแอ่งน้ำแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกสำหรับเล่นน้ำ และส่วนที่สองสำหรับให้อาหารปลา
ครั้นได้เวลาอันสมควรแล้ว คณะก็ออกเดินทางต่อไปยังจุดชมวิว และแวะรับประทานอาหารเที่ยงริมแม่น้ำโขงที่ร้านอาหาร Sanset Restaurant รวมทั้งแวะช็อปปิ้งที่ Duty Free กันหอมปากหอมคอ พร้อมกล่าวคำร่ำลา และเดินทางกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ แม้ทริปท่องแดนมหัศจรรย์ใต้พิภพที่ลาวกลาง กับ Isuzu Suphan V-Cross Max ครั้งนี้ ต้องยอมรับว่า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่และดิบจริงๆ แม้จะต้องเดินทางไกลและเหนื่อยล้ากันแบบสุดๆ แต่ทุกคนก็ไม่มีใครกล้าปฏิเสธได้ว่า ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ทุกคนได้เจอะเจอนั้น ยิ่งใหญ่อลังการจริงๆ