การเลือกทำเลตั้งเต็นท์และการตั้งแค้มป์ อย่างไรให้ปลอดภัยและถูกต้อง(ตอนที่ 2)

กระแสการท่องเที่ยวกางเต็นท์นอนอุทยานฯ หรือสถานที่ทางธรรมชาติทั่วๆ ไป แบบแคมป์ปิ้งกำลังมาแรง และได้รับความสนใจอย่างดีจากนักท่องเที่ยวชาวไทยยุค New normal ที่มีความต้องการท่องเที่ยวทำกิจกรรมกลางแจ้ง สร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างกลุ่มเพื่อนและครอบครัวแบบใกล้ชิดธรรมชาติ

ทุกครั้งก่อนตั้งแค้มป์ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ควรที่จะพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่พอจะรบวรวมมาได้ดังต่อไปนี้

  • ควรเลือกสถานที่กางเต็นท์ไว้ล่วงหน้าก่อนการเดินทาง โดยปกติแล้วเลือกพื้นที่ที่เคยใช้ตั้งแคมป์มาแล้ว เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ขยายพื้นที่ตั้งแคมป์ออกไปอีก
  • ควรหัดกางเต็นท์ของเราให้คล่องเสียก่อนเดินทาง มิฉะนั้นอาจเสียเวลากางเต็นท์เป็นชั่วโมง หาที่กางเต็นท์ให้ได้ก่อนพระอาทิตย์ตกดินอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อจะได้มีเวลากางเต็นท์ก่อนที่จะมืด
  • เลือกพื้นที่ตั้งแคมป์ที่มีแหล่งน้ำไหลผ่านเพียงพอและใช้พลาสติปูรองเต็นท์ เพื่อให้พื้นแห้งโดยไม่ต้องขุดร่องระบายน้ำรอบเต็นท์ แต่ให้ตั้งเต็นท์ห่างจากแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างน้อย 100 ฟุต
  • อย่ากางเต็นท์ใต้ต้นไม้ใหญ่เพราะถ้าฝนตกกิ่งไม้อาจหักลงมาหรือหากเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง อาจมีอันตรายจากฟ้าผ่าลงกลางต้นไม้ ดังนั้นควรหาทำเลใต้ร่มเงาไม้ที่ไม่ใหญ่นัก และอยู่ห่างจากต้นไม้สูงๆ โดยคาดคะเนว่าหากไม้ใหญ่ล้ม เต็นท์จะอยู่ห่างจากรัศมีกิ่งไม้ของไม้ที่ล้มลงมา หรือหากเลี่ยงไม่ได้ก็สังเกตก่อนว่ามีกิ่งไม้แห้งตายบนต้นไม้หรือไม่ ถ้ามีก็อย่าไปกางแถวนั้นเชียว
  • อย่ากางเต็นท์ในที่โล่ง พยายามกางเต็นท์ใต้ลมบริเวณที่มีต้นไม้ (ที่ไม่ใช่ต้นไม้ใหญ่มากๆ หรือต้นไม้ที่มีกิ่งก้านสาขาที่พร้อมจะหักลงมาได้ทุกเมื่อ) โดยไม่มีโขดหินหรือต้นไม้บังทิศทางลม เพราะบนพื้นที่สูงนั้นจะมีลมกรรโชกแรง ลมตีเต็นท์ทั้งคืนคงไม่สนุกแน่ ซึ่งอาจพัดพาเต็นท์ปลิวหรือพังได้ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ควรใช้สมอบกยึดเต็นท์ทุกด้านให้แน่น โดยปักสมอบกมุมทแยงแนวต้าน 45 องศา
  • ในช่วงฤดูฝน ไม่ควรกางเต็นท์อยู่บริเวณชายเขา หรือจุดที่คาดว่าน้ำจะไหลผ่านและถ้าหากน้ำเกิดไหลไม่หยุดจะมีน้ำมากจนเกิดอันตรายได้ หรืออาจเกิดดินสไลด์ ซึ่งหากจำเป็นควรสังเกตบริเวณโดยรอบว่าพื้นดินเป็นดินทรายปนหิน ดินร่วน หรือดินเหนียว เพราะหากเป็นดินทรายปนหินหรือดินร่วนบนทราย หากเป็นหน้าฝนอย่าได้นอนเด็ดขาด ถอยห่างให้ไกลเชิงเขาออกมา รวมทั้งอย่ากางเต็นท์ในทางน้ำไหลหรือลำธารที่แห้งแล้งเด็ดขาด เพราะเมื่อฝนตกไหลบ่าลงลำธารอย่างรวดเร็ว อาจจะเกิดน้ำไหลเต็มภายในไม่กี่นาที รวมทั้งอย่ากางเต็นท์บริเวณที่มีหญ้ารกหรือน้ำเฉอะแฉะ เพราะอาจเป็นที่อยู่อาศัยของยุงและแมลง
  • ก่อนกางเต็นท์ควรสังเกตพื้นที่บริเวณนั้นว่าเป็นทางเดินของสัตว์หรือด่านสัตว์หรือเปล่า โดยสังเกตจากรอยเท้าในบริเวณนั้น ถ้าหากคิดว่าไม่ปลอดภัยควรหลีกเลี่ยง สมัยนี้เขตอุทยานคงไม่มีด่านสัตว์ แต่หากออกนอกจุดพื้นที่ความปลอดภัยก็ควรดูรอยเท้าตามพื้นไว้บ้าง สังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัวทุกครั้งก่อนกางเต็นท์ เพื่อเลี่ยงการปะทะกับสัตว์ป่าที่อาจออกมาหากินตามทางเดินยามค่ำคืน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง โดยเฉพาะ ช้างป่า
  • การกางเต็นท์ในฤดูฝน จะต้องกางฟลายชีทและขุดร่องระบายน้ำรอบตัวเต็นท์ไว้ด้วย
  • ควรระวังสัตว์มีพิษต่างๆ พวกงู แมงป่อง ตะขาบ ซึ่งจะหาที่แห้งอยู่ตามในเต็นท์ ถุงนอน หรือรองเท้าที่ไม่ได้เก็บอย่างมิชิด ดังนั้น ก่อนสวมใส่หรือใช้งานควรตรวจตราให้ดี ถ้ามียากันแมลงหรือปูนขาวให้โรยไว้รอบเต็นท์
  • การก่อกองไฟนั้นควรให้อยู่ห่างจากเต็นท์พอควร เพราะลมอาจพัดสะเก็ดลูกไฟปลิวว่อนจนถูกเต็นท์และเกิดเป็นรูโหว่ขึ้นมาได้ หรือถ้ามีการก่อกองไฟก่อนกลับต้องดับให้สนิท ป้องกันไฟไหม้ป่าที่จะตามมาหลังเราเดินทางกลับ และห้ามนำเตาไฟ เทียน ตะเกียงไฟ เข้าไปในเต็นท์โดดเด็ดขาด เพราะการเผาไหม้ของไฟจะดึงออกซิเจนไปจากอากาศที่มีอยู่ในเต็นท์ และปล่อยคาร์บอนไดอ็อกไซด์ออกมาจนทำให้ออกซิเจนหมดและเสียชีวิตได้ หรืออาจเกิดไฟไหม้ได้ ดังนั้นแสงสว่างภายในเต็นท์ควรใช้โคมไฟแอลอีดีจะปลอดภัยกว่า
  • ในการไปเที่ยวป่าหรือนอนกางเต็นท์ในป่าที่ผู้รักธรรมชาติควรต้องรู้ไว้ เช่น ขยะทุกชิ้นที่นำไปควรนำกลับไปด้วย อย่าทิ้งไว้เป็นที่ระลึกในป่าอย่างเด็ดขาด รวมถึงการอย่าแตะต้องหรือทำลายธรรมชาติไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นแบบเดิมเหมือนที่เคยเป็น และสำคัญเลยรักจะแคมป์ปิ้งต้องรักธรรมชาติ ช่วยกันส่งต่อจิตสำนึกที่ดีให้แก่นักกางเต็นท์หน้าใหม่ๆ ด้วย

ทั้งหมดนั่นเป็นข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ สำหรับมือใหม่ในการกางเต็นท์ครับ ครั้งหน้าเรามาว่ากันต่อในเรื่องของข้อควรระวังในการกางเต็นท์ ในช่วงฤดูร้อนและฤดูฝนกันต่อครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *