Dalat(ดาลัท)-Mui Ne(มุยเน๋) ปารีสตะวันออก เมืองแห่งดอกไม้และทะเลทราย

เชื่อว่าหลายๆ ท่าน ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวตัวยง คงต้องแพลนโปรแกรมท่องเที่ยวยอดฮิตของเวียดนามอย่าง ดาลัท-มุ่ยเน๋ เอาไว้ในใจอย่างแน่นอน เพราะทั้งสองเมืองนี้ ถือว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของเวียดนามกลาง และไม่ห่างจากนครหลวงโฮจิมินห์เท่าไรนัก การเดินทางก็ถือว่าค่อนข้างสะดวกสบายพอสมควร ทั้งรถประจำทางหรือจะขับรถไปเอง ได้ทั้งหมด เราไปดูว่าทั้งสองเมืองนี้ มีอะไรน่าท่องเที่ยวบ้าง

ดาลัท ปารีสตะวันออก เมืองแห่งดอกไม้

เมืองดาลัด ได้ชื่อว่า ปารีสตะวันนออก เมืองแห่งดอกไม้ ตั้งอยู่ทางภาคใต้ตอนบนของเวียดนาม ชื่อ ดาลัด มาจากคำ 2 คำ คือ ดา หมายถึง แหล่งกำเนิดหรือแม่น้ำกามลี ส่วนคำว่า ลัด เป็นชื่อของชนกลุ่มน้อยเผ่าหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่นี่ ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขา ปกคลุมไปด้วยทิวสน ทะเลสาบ และป่าไม้บนที่ราบสูงลามเวียต ถัดจากแม่น้ำกามลี มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,500 เมตร อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 17 องศาเซลเซียส นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โรแมนติคของเวียดนาม และได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิชั่วนิรันดร์ จากความงดงามและเงียบสงบ ทำให้ครั้งหนึ่งฝรั่งเศสเคยคิดจะสร้างให้เป็นเมืองหลวงของสมาพันธรัฐอินโดจีนเลยทีเดียว

เสน่ห์ของดาลัทนั้น นอกจากความสวยงามของตัวเมือง รวมทั้งอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปีแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะการเดินทางขึ้นไปเก็บภาพบรรยากาศของตัวเมือง ด้วยกระเช้าลอยฟ้าที่มีความทันสมัย บรรทุกคนได้ 4 คน/1 กระเช้า เพื่อชมวิวทิวทัศน์ของเมืองดาลัดตลอดทั้งเมือง รวมทั้งน้ำตกดาทันลา (Datanla Waterfall) อยู่ห่างจากตัวเมืองดาลัดไปทางทิศใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นน้ำตกไม่ใหญ่มาก แต่มีความสวยงามและมีกิจกรรมต่างๆ ในนักท่องเที่ยวได้ทำกัน โดยเฉพาะการนั่งรถราง (Roller Coaster) ลงไปชมตัวน้ำตกด้านล่าง ที่ได้ทั้งความสนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจ น้ำตกดาทันลา เป็นน้ำตกที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในดาลัด

พระราชวังฤดูร้อนของจักรพรรดิบ๋าวไต๋ ที่ตั้งอยู่นอกเมืองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร จักรพรรดิเบ๋าได่ เป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของเวียดนาม ได้รับการออกแบบและปลุกสร้างอยู่ใต้ร่มเงาของทิวสนใหญ่ ใช้เวลาการก่อสร้างถึง 5 ปี โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2476 ซึ่งภายในตัวตึกมีห้องภาพของพระเจ้าบ๋าวได่ พระมเหสี พระโอรส ธิดา และมีห้องสำหรับทรงงาน ในปี พ.ศ. 1975 พระเจ้าบ๋าวได่ เสด็จออกจากประเทศเวียดนาม ไปพำนักยังประเทศฝรั่งเศส พระราชวังแห่งนี้จึงกลายเป็นที่พักของเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์  

อีกสถานที่ ที่ไม่ควรพลาดก็คือ ตลาดยามค่ำ (Night Market) ของเมืองดาลัท โดยสินค้าส่วนมากเป็นของ ชนกลุ่มน้อยเผ่าต่างๆ พ่อค้า และแม่ค้าแต่งกายแบบชนเผ่า นำผลิตภัณฑ์งานฝีมือมา จำหน่าย อาทิ ผ้าพันคอ, เสื้อกันหนาว, และสินค้าพื้นเมืองต่างๆ เป็นที่ถูกอกถูกใจของเหล่าสมาชิก

มุยเน๋ เมืองแห่งทะเลทราย

            จุดเด่นของเวียดนามใต้นั้นละม้ายคล้ายกับเวียดนามกลางและเวียดนามเหนือ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม รวมทั้งวิถีชีวิตของผู้คน มุ่ยเน๋ เมืองที่แตกต่างกันสุดขั้ว เนื่องจากมุยเน๋ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ชายหาดและเป็นเมืองที่มีความแปลก เนื่องจากเป็นที่ตั้งของทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาลเพียงแห่งเดียวในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเมืองมุยเน๋ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองฟานเทียด ห่างออกมาประมาณ 22 กม. เป็นหมู่บ้านชาวประมงขนาดเล็ก มีชายหาดและหมู่เกาะสวยงามปัจจุบันเป็นเมืองตากอากาศชายทะเลยอดนิยมอีกเมืองหนึ่งเพราะอยู่ไม่ไกลกับโฮจิมินห์มากนัก

            สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ก็มี ทะเลทรายขาว อยู่ห่างจากตัวเมืองมุยเน่ประมาณ 30 กม. ทะเลทรายขาวเป็นเนินทรายสีขาวที่มีแหล่งน้ำจืดหรือโอเอซิสอยู่ใกล้ๆ เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูป มีรถจี้ปและรถ ATV ไว้บริการแก่นักท่องเที่ยว และเป็นจุดหนึ่งที่ถ่ายภาพยนตร์ไทยเรื่องเราสองสามคนย้อนกลับเข้ามาที่เมืองมุ่ยเน๋ ก็จะเป็นที่ตั้งของ ทะเลทรายแดง เป็นเนินทรายกว้างใหญ่สีชมพูที่มีชื่อเสียงมากของเมืองมุยเน่ ทะเลทรายแดงอยู่ริมทะเลห่างจากตัวเมืองมุยเน่ประมาณ 5 กม. บริเวณด้านหน้าทะเลที่ติดกับชายฝั่งทะเลมีร้านอาหาร และตอนเย็นๆ จะมีเด็กๆนำแผ่นพลาสติกให้นักท่องเที่ยวได้เล่นสไลด์เนินทรายกัน

ทะเลทรายแดง ถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง

ทั้งหมดนี้คือ ตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ของสถานที่ท่องเที่ยวอันมีชื่อของเมืองปารีสตะวันออก ที่มีชื่อว่าดาลัท-มุยเน๋