ROMANTIC OFF ROAD CAMP CAR เส้นทางต้องห้าม….พลาด

เชื่อแน่ว่า ในช่วงต้นๆ ปีนี้ หลายท่านคงเตรียมวางโปรแกรมขึ้นเหนือไปสัมผัสกับอากาศที่ยังหนาวเย็นกันส่วนใหญ่ บางท่านอาจจะมีโปรแกรมท่องเที่ยวอยู่ในใจแล้ว ส่วนใครที่ยังไม่รู้จะไปเที่ยวไหนดี ลองนำ 20 เส้นทางแคมป์คาร์ ประเภทเด็กเที่ยวได้ ผู้ใหญ่เที่ยวดี นี้ไปพิจารณาดูเอาก็แล้วกันครับ เพราะแต่ละเส้นทางนั้น การันตีได้ว่า มีเสน่ห์และความสวยงามราวกับสวรรค์ปั้นแต่งเลยทีเดียว

ไปดูกันครับว่ามีเส้นทางไหนบ้างที่น่าสนใจ…

ขุนเขาและสายหมอก ที่ดอยเปเปอร์

ดอยเปเปอร์ หรือ หน่วยจัดการต้นน้ำดอยเปเปอร์ นี้ เป็นเส้นทางที่ตั้งอยู่ในเขต อ.ท่าสองยางและ อ.แม่ระมาด จ.ตาก รวมทั้งพื้นที่บางส่วนของ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เป็นเส้นทางที่เหมาะสำหรับการเดินทางไปเที่ยวในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากอากาศจะเย็นสบายตลอดทั้งปี ปกคลุมไปด้วยทะเลหมอก เป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าไปเที่ยวชมอีกเส้นทางหนึ่งของเมืองเหนือครับ การเดินทางไปดอยเบเบอร์นั้น ไปได้หลายเส้นทางด้วยกัน มีทั้งทางง่ายๆ และทางที่ยากขึ้นมาหน่อย แต่โดยรวมแล้วช่วงนี้รถสแตนดาร์ดผ่านสบาย  

เราสามารถเดินทางจาก อ.อมก๋อย มุ่งหน้าเข้า อ.แม่ตื่น ประมาณ 70 ก.ม. จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าซอยตรงอนามัยแม่ตื่น วิ่งตามทางไปเรื่อย ๆ ประมาณ 47 ก.ม.  ก่อนถึงหน่วยจัดการต้นน้ำดอยเปเปอร์ ต้องผ่านวัด พะโค๊ะโด้  แต่ชาวบ้านที่ศรัทธาจากท่าสองยางที่ขับรถสวนกันบอกว่า เป็นวัดพระบรมธาตุโลกะวิทู ส่วนขากลับจากดอยเปเปอร์ใช้เส้นทางที่ใกล้ที่สุดคือ แม่สอด-ท่าสองยาง ช่วง ก.ม.81 (ก่อนถึง อ.ท่าสองยาง 3 ก.ม.)  หรือจะใช้ทางเข้า  ก.ม. 71 จากแยกแม่สอด เห็นป้ายทางเข้าหมู่บ้าน เลเคาะ 8 ก.ม. เข้าไปเลยครับ ที่นั่นจะมีน้ำตกที่สวยงามให้ได้ชมอีกแห่งหนึ่ง แต่ต้องเลยหมู่บ้านไปอีกประมาณ 1.7 ก.ม. ครับ….

สิ่งอำนวยความสะดวก

สถานที่ตั้งแคมป์                         – ก่อนขึ้นไปควรสอบถามก่อนที่เบอร์โทร.089-560-1932

ร้านค้า                                       -สามารถซื้อของใช้เล็กๆ น้อยๆ ได้ที่ร้านสวัสดิการฯ

ห้องน้ำ                                      -ใช้บริการที่หน่วยฯ

ความยาก-ง่ายของเส้นทาง        -ระดับ 2 ดาว (ฤดูฝนอาจจะ 2-3 ดาว)

ขุนและสายหมอกที่ผาตั้ง (เขาจอมทอง) จ.เพชรบูรณ์

ผาตั้ง (เขาจอมทอง) หรือผาซ่อนแก้ว บางคนก็เรียกสนามบินญี่ปุ่น เส้นทางนี้ออกจะฮาร์ทคอร์พอสมควร โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาวน่าจะอยู่ที่ระดับ 2 แต่ถ้าฤดูฝนอาจจะถึงระดับ 4-5 ดาว และอันตรายมาก เนื่องจากเส้นทางค่อนข้างลื่น แต่ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาว ถือว่าไม่ยากจนเกินไปนัก แต่รถที่จะเดินทางขึ้นไปก็ควรมีการตกแต่งและโมดิฟายบ้างเล็กน้อย เช่น ใช้ยาง MUD TERRAIN หรือในคณะควรมีรถวินช์ติดไปด้วย

ผาตั้งนั้นเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับแคมป์สน (ทางแยกที่จะขึ้นเขาค้อ) การเดินทางนั้นก็เข้าทางด้านบ้านเข็กน้อย โดยเลี้ยวขวาที่จะไปยังอ่างเก็บน้ำ

สิ่งอำนวยความสะดวก

ที่พัก ด้านบนไม่มีที่พัก ต้องนำเต็นท์ขึ้นไปกางเอง ด้านบนอากาศหนาวและลมแรง ควรจอดรถเป็นกำบังก่อนกางเต็นท์

ร้านค้า ร้านอาหาร ไม่มีต้องเตรียมขึ้นไปทำกินเองที่ด้านบน โดยเฉพาะน้ำนั้นควรเตรียมไปเยอะ เพราะด้านบนไม่มีแหล่งน้ำ
ห้องน้ำ สำหรับสุภาพสตรีค่อนข้างมีปัญหาพอสมควร เพราะห้องน้ำ ห้องสุขาไม่มี ต้องใช้ราวป่าต่างห้องน้ำ

 “ดอยสีชมพู…ที่ขุนแม่ยะ”

ขุนแม่ยะ หรือหลายๆ คนเรีย “ดอยสีชมพู” เป็นเส้นทางที่ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ สามารถเดินทางจาก “ตลาดแม่มาลัย” ไปตามทางหลวงหมายเลข1095 ไปราวๆ 1 ชั่วโมง จะถึง “อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง” ทางขวามือ ทางขึ้นดอยขุนแม่ยะนั้นจะเลย อช.ห้วยน้ำดัง ไปเพียง 2 ก.ม.เท่านั้น จะอยู่ตรงช่วง ก.ม.67 โปากทางขึ้นจะเป็นด่าน ตชด. เดินทางต่อไปอีกประมาณ 8 ก.ม. เท่านั้น ก็จะถึง  “จุดตรวจดอยแม่ยะ” จะมีทางแยกซ้ายมือ เป็นเส้นทางลูกรังแคบๆ เข้าไปสู่ “ดอยสีชมพู…ขุนแม่ยะ” ระยะทางประมาณ 8 ก.ม. แต่เป็นทางขึ้น-ลง ลัดเลาะไปตามไหล่เขา ดังนั้นถ้าจะให้ปลอดภัยควรเป็นรถออฟโรดเท่านั้น ใช้เวลาประมาณ45นาที ก็จะถึงบริเวณ “หน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะ”

บริเวณ “หน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะ” นี้แหละครับ เป็นจุดที่เราๆ ท่านๆ จะได้เห็นดอกนางพญาเสือโคร่งสีชมพูบานสะพรั่งไปทั่วทั้งหุบเขา ในส่วนที่เรียกว่า “ดอยสีชมพู” นั้นก็คือ เทือกเขาที่อยู่ด้านหลังที่ทำการหน่วยฯ ซึ่งสามาถมองเห็นได้จากบริเวณด้านล่าง เทือกเขาที่แต้มไปด้วยสีชมพูนี้ เป็นแนวเทือกเขาที่ต่อเนื่องมาจาก “ดอยขุนแม่ยะ” ที่มีความสูง 2005 ม. เป็นยอดที่มีความสูงเป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย

สิ่งอำนวยความสะดวก

บ้านพัก                                     -มี แต่เพื่อให้ได้บรรยากาศ ควรกางเต็นท์พักแรมดีกว่า

ร้านค้า                                       -ไม่มี นักท่องเที่ยวต้องเตรียมมาทำกินกันเองสนุกดี

ความยาก-ง่ายของเส้นทาง        -ระดับ 2 ดาว

ห้องน้ำ                                      -มีบริการ ใกล้จุดแคมป์ปิ้ง

ดอยฟ้าห่มปก บ้านเล็กในป่าใหญ่

โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ดอยฟ้าห่มปก เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในป่าต้นน้ำ ในอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่

โครงการนี้เกิดขึ้นหลังจาก สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชเสาวนีย์กับ คุณสหัส บุญญาวิวัฒน์ ผู้ช่วยเลขาธิการพระราชวังฝ่ายกิจกรรมพิเศษ ให้พิจารณาหาพื้นที่ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อจัดตั้งโครงการตามแนวทางบ้านเล็กในป่าใหญ่ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย โดยให้ป่าไม้เขตเชียงใหม่ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาหาพื้นที่เหมาะสม ซึ่งคณะทำงาน ได้คัดเลือกพื้นที่ ดอยผ้าห่มปก ตำบลแม่สาว อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่ดำเนินงานสรุปการลำดับการจัดตั้งโครงการได้ เดิมชื่อ โครงการ ฯ “ดอยผ้าห่มปก” สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชเสาวนีย์ให้เปลี่ยนเป็นโครงการฯ “ดอยฟ้าห่มปก” เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2546
         “ดอยฟ้าห่มปก” ตั้งอยู่บริเวณหน่วยจัดการต้นน้ำดอยผาหลวง ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ฝางหรืออุทยานแห่งชาติฟ้าห่มปก ต.แม่สาว อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ห่างจากชายแดนประมาณ 7 กม. สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,500-1,700 ม. ทิศเหนือจรดสันดอยป่าคา ทิศตะวันออกจรดสันดอยป่าคา ทิศใต้จรดสันดอยปู่หมื่น  ทิศตะวันตกจรดสันดอยผ้าห่มปก พื้นที่โครงการฯ อยู่บริเวณลุ่มน้ำแม่สาวและแม่แหลงเป็นพื้นที่เขาสูงสลับซับซ้อน เนื้อที่ประมาณ 16,670 ไร่ ตามแนวสันเขา และริมห้วยมีป่าที่อุดมสมบูรณ์ทอดยาวถึงดอยฟ้าห่มปก ซึ่งเป็นยอดเขาสูงสุดของพื้นที่ ประมาณ 2,285 ม.
ในห้วงฤดูหนาวตั้งแต่เดือนตุลาคม-มกราคม ของทุกปี อากาศจะหนาวเย็น เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เหมาะสำหรับการพักแรมและแคมปิ้งในช่วงฤดูเช่นนี้ครับ     

ส่วนการเดินทางจากเชียงใหม่ให้เส้นทางไป ต.ท่าตอน อ.แม่อาย หรือตามทางหลวงหมายเลข 107 ระยะทาง 165 กม. ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 1089 ถึงทางแยกบ้านห้วยป่าซาง เป็นถนนลาดยาง จากนั้นจะมีทางแยกบ้านห้วยป่าซางไปถึงโครงการฯ ซึ่งเป็นถนนลูกรังสลับกับถนนคอนกรีต ระยะทาง 20 กม. รถที่ใช้เดินทางควรเป็นรถออฟโรดเท่านั้น

สิ่งอำนวยความสะดวก

บ้านพัก                                     -มีบ้านพักรับรอง ถ้าคิดจะเที่ยวต้องนอนเต็นท์ แต่เต็นท์ใหญ่นอนสบาย 

ลานกางเต็นท์                             -มีที่กำหนดให้ทั้ง 2 แห่ง

มีห้องสุขา ห้องอาบน้ำ                 -ค่อนข้างสะดวกสบาย 

ร้านอาหาร                                 -ไม่มีร้านอาหาร นักท่องเที่ยวต้องที่ไปพักแรมต้องเตรียมไปเอง

ความยาก-ง่ายในการเดินทาง         -ระดับ 2 ดาว สูงชัน (ฤดูฝน 3-4 ดาว)

ความงดงามที่ลงตัว ดอยม่อนล้าน-แม่สะลวม

หน่อยจัดการต้นน้ำแม่สะลวม ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และอุทยานแห่งชาติศรีล้านนาประกอบด้วยราษฎรชาวเผ่าอาข่า บ้านอาบอลาชา บ้านอาบอเน บ้านอาแย เขตพื้นที่ตำบลป่าตุ้มและตำบลป่าไหน่ อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่

            การเดินทางนั้นเริ่มจาก อ.พร้าว-อ.เวียงป่าเป้า ถึง กม.52 เลี้ยวซ้ายเข้าแม่ปูนหลวง จะมีป้ายบอกทางอยู่ทางซ้ายเข้าไปในหมู่บ้านจนสุดถนนคอนกรีต จะมีทางแยกขวาเป็นทางลูกรังอัดแน่นฝุ่นฟุ้ง ราว ๆ 2-3 กม. และจะเข้าทางป่าสูงชันและชื้นอีกราวๆ  25 กม. ใช้เวลาในทางป่านี้ราวๆ  2 ชั่วโมง เป็นทางแคบ ๆ  สวนกันยาก  ต้องใช้รถขับ 4 ล้อเท่านั้น โดยเฉพาะช่วงท้ายๆ ชันมาก ก่อนถึงม่อนล้านประมาณ 5 กิโลเมตร จะถึงหน่วยจัดการต้นน้ำแม่สะรวม ที่มีมุมมองโล่ง สวยมาก มีบ้านพัก 2 หลัง มีที่โล่ง ๆ กางเต็นท์ได้ มุมมองเดียวกับม่อนล้าน เห็นวิวด้านดอยหลวงเชียงดาวและตัวเมืองชัดเจน

ส่วนดอยม่อนล้านเป็นสถานที่ๆ มีความสวยงาม และเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของเชียงใหม่สามารถเห็นทะเลหมอกอันสวยงามได้ในมุม 360 องศา ถ้าหนาวจัดๆ มีแม่คะนิ้งลงจับตามยอดหญ้าและป่าไม้ อุณหภมิต่ำสุด คือ -3 ถึง 12 องศา เท่านั้น ด้านบนสามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นในฝั่งของ จ. เชียงรายได้อย่างชัดเจน  และมองเห็นวิวตอนอาทิตย์ตกในฝั่ง อ.พร้าว เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่นักเดินทางไม่ควรพลาดที่จะขึ้นไปดื่มด่ำกับธรรมชาติของม่อนล้านและแม่สะลวม

สิ่งอำนวยความสะดวก

บ้านพัก                                   -มีบ้านพัก 2 หลัง นอนได้หลังละ 3-4 คน จองที่พัก 081-0307846 (ดอยม่อนล้าน) มีลานกางเต็นท์พักได้ราวๆ  100 คน

ห้องน้ำ                                      -มีห้องน้ำบริการสะอาดมาก ห้องน้ำ 6 ห้อง

ความยากง่ายในการเดินทาง          -ระดับ 1-2 ดาว (ฤดูฝน 3-4 ดาว)

ฟ้าเมิง ที่ ดอยม่อนอังเกตุ

ดอยม่อนอังเกตุ อยู่ในความดูแลของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสะเมิง หน่วยจัดการต้นน้ำม่อนอังเกตุ และองค์การบริหารส่วน ต.ยั้งเมิน อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ เป็นดินแดนที่มียอดเขาสูงที่สุดในพื้นที่ อ.สะเมิง อยู่สูง 1,840 เมตรจากระดับน้ำทะเล บริเวณยอดดอยสามารถชมทัศนียภาพได้รอบทิศ และยังมีสถูปเก่าแก่ตั้งอยู่ด้านบนอีกด้วย ม่อนอังเกตุนี้เป็นสันเขาปันน้ำ และเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำ 4 สาย คือ แม่น้ำสา ไหลลงสู่แม่น้ำปาย อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน แม่น้ำเลย ไหลลงสู่แม่น้ำแม่แตง แม่น้ำแม่สาบ และแม่น้ำแม่จุม ไหลลงสู่แม่น้ำแม่ขาน เเวดล้อมไปด้วยหมู่บ้านของชนเป่าต่างๆ ทั้งลีซอเเละกระเหรี่ยง โดยอยู่ในความดูเเลของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าปางขุม ซึ่งมีการจัดพื้นที่สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้กางเต็นท์กันอีกด้วย ซึ่งเรียกว่าลานสน โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่พอประมาณ เเต่ไม่ใช่บริเวณยอดดอยเเต่อย่างใด

การจะเดินทางขึ้นไปยัง ยอดดอยม่อนอังเกตุ ต้องเดินทางต่อขึ้นไปจากลานสนแกซักพักหนึ่ง ก็จะพบกับยอดดอยที่มีความสวยงาม  บริเวณยอดเขามีลมพัดแรง จึงเย็นสบายตลอดทั้งปี สามารถชมพระอาทิตย์ตกและสัมผัสกับอากาศที่หนาวเหน็บได้ในฤดูหนาว รวมทั้งและชมบรรยากาศ “ฟ้าเมิง” ยามอาทิตย์ทอแสงที่เส้นขอบฟ้า โลมไล้ทะเลหมอกในหุบ นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นยอดดอยห้วยน้ำดัง และตัว อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ยอดดอยดงสามหมื่น อ.แม่แจ่ม ยอดดอยหลวงเชียงดาว อ.เชียงดาว อ.สะเมิง รวมทั้งยอดดอยอินทนนท์ ของ อ.จอมทองได้อีกด้วย       

สำหรับการเดินทางมายัง ดอยม่อนอังเกตุ นั้นจากตัวเมืองเชียงใหม่ให้คุณใช้เส้นทางมายังอำเภอสะเมิง โดยจะมีป้ายบอกตลอดทางเมื่อเข้าสู่เขตอำเภอเเล้ว ซึ่งทางเเยกจากตัวอำเภอขึ้นสู่ดอยม่อนอังเกตุ นั้นจะเป็นทางลาดชันเเละค่อนข้างสลับซับซ้อน ฉะนั้นเเล้วควรใช้รถยนต์เเบบขับเคลื่อนสี่ล้อหรือรถออฟโรดเป็นหลัก

สิ่งอำนวยความสะดวก

ที่พัก ต้องเตรียมเต็นท์ไปเอง

ห้องน้ำ  มีห้องน้ำอยู่ด้านล่าง ห่างจากยอดดอยที่กางเต็นท์ 1 กิโลเมตร ด้านบนไม่มีห้องน้ำ

ร้านค้า   ควรซื้อให้เรียบร้อยก่อนขึ้นดอย

ความยากง่ายของเส้นทาง 2 ดาว  (ฤดูฝน 4 ดาว)

ทุ่งหญ้าสะวันนา…ทุ่งแสลงหลวง

อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงนั้น เป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวและแคมป์คาร์ สไตล์ครอบครัวแบบสบายๆ ไม่ถึงกับออฟโรดเกินไป โดยเฉพาะที่ทุ่งนางพญา ที่ตั้งอยู่บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.8 (หนองแม่นา) ห่างจากที่ทำการอุทยานฯประมาณ 60 กิโลเมตร สามารถเดินทางจาก อ.หล่มสัก โดยใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ไปทาง จ.พิษณุโลก ถึงทางแยกแค็มป์สน เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2196 ไปทางด้าน อ.เขาค้อ ถึงสี่แยกให้เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2258 ตรงไปจนถึงบ้านทานตะวัน แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่หน่วยฯ แต่ถ้าจะเดินทางต่อไปยังทุ่งนางพญาในช่วงฤดูฝน ต้องใช้รถออฟโรดอย่างเดียว เพราะทางจะเป็นหล่มโคลน บางช่วงต้องขึ้นเนินสูง แต่ระหว่างทางมีจุดน่าสนใจให้แวะชมมากมาย อาทิ จุดชมวิว ดงค้อ สันเขาปู่ และ ทุ่งนางพญา ซึ่งเป็นทุ่งหญ้าสลับกับป่าสนเขาอันงดงาม มีเนื้อที่ประมาณ 5,000 ไร่

ทุ่งนางพญาจะมีป่าสนสองใบขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นเป็นหย่อม ๆ แซมอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าทุ่งนางพญาเหมาะสำหรับการกางเต็นท์พักแรม ถ้าให้ดีควรติดจักรยานเสือภูเขาไปด้วย ปั่นออกกำลังกายยามเช้า ดื่มด่ำกับอากาศหนาวเย็นช่วงเช้าหรือชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นก็ดีไม่น้อย ในช่วงปลายฝนต้นหนาวจะมีสายหมอกลอยปกคลุมไปทั่วบริเวณ ยามเมื่อดวงอาทิตย์สาดแสงสีเหลืองทองผ่านทิวสนเป็นภาพที่งดงามราวกับภาพวาดเลยทีเดียว

สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ตู้ ปณ. 64  อ. เมืองพิษณุโลก  จ. พิษณุโลก  65000 โทรศัพท์ 0 5526 8019   โทรสาร 0 5526 8019   อีเมล thung_s_l@hotmail.com

สิ่งอำนวยความสะดวก

บ้านพัก มีบ้านพักหลายหลังด้วยกัน ทั้งที่ทำการอุทยานฯและที่หน่วยหนองแม่นา หรือหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ต่างๆ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 0 5526 8019               

ห้องน้ำ  ห้องน้ำสะอาด ทั้งที่ทำการอุทยานฯและที่หน่วยฯหนองแม่นา

ร้านค้า   ที่ทำการอุทยานนั้นมีร้านค้าสวัสดิการไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว          

ความยากง่ายของเส้นทาง 1 ดาว  (ฤดูฝน 2 ดาว)

ซากุระบานที่ขุนช่างเคี่ยน  

เรื่องราวของดอกซากุระหรือนางพญาเสือโคร่งนั้น มีมาช้านานแล้ว ส่วนใหญ่เราจะคุ้นกับที่ดอยแม่สลอง ดอยผาตั้ง ดอยอินทนนท์ ขุนวาง แม่จอนหลวง เป็นต้น ต่อมาก็มีสถานที่แห่งใหม่ๆ เกิดตามมา อย่างเช่น ดอยขุนแม่ยะ อยู่ใกล้กับห้วยน้ำดัง หรือจะเป็นดอยขุนสถานที่จังหวัดน่าน และอีกหลายๆ ที่ซึ่งกำลังฟูมฟักสรรค์สร้างให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ขึ้นมา แต่อีกแห่งหนึ่งที่เราไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีดงซากุระขนาดใหญ่แอบซ่อนอยู่ท่ามกลางป่าลึก แต่อยู่ไม่ไกลเมืองมากนัก ถนนหนทางก็สะดวกพอสมควร นั่นก็คือ ขุนช่างเคี่ยน  หรือ “ดอยสีชมพู” ตั้งอยู่ในพื้นที่ดอยสุเทพใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่นี่เอง  การเดินทางก็ไปไม่ยากกว่าที่คิด  มีถนนลาดยางไปถึง แต่เป็นถนนแคบๆ อยู่บนดอย จนต้องคอยระมัดระวังรถที่สวนทางเข้ามา

การเดินทางใช้เส้นทางขึ้นดอยสุเทพ มุ่งหน้าเลยไปพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ เมื่อสุดทางที่พระตำหนักฯ แล้ว ถนนก็เริ่มแคบลง คดเคี้ยวไปท่ามกลางป่าสน จนกระทั่งมาถึงทางซ้ายลงไปยังหมู่บ้านม้งดอยปุย ก็มีป้ายบอกทางไปจุดกางเต็นท์ดอยปุย 4 กม. และบ้านขุนช่างเคี่ยน 7 กม. เราก็เลี้ยวขวาไปยังเป้าหมายที่ขุนช่างเคี่ยน ถนนที่มุ่งหน้าไปยังขุนช่างเคี่ยน  คดเคี้ยวไปท่ามกลางแนวป่า หากมีรถสวนมาก็หาทางหลบกันเลี่ยง ต้องคอยระวังร่องน้ำด้านซ้ายที่เป็นร่องลึก ยังไงก็ต้องคอยระวังกันมากๆ บีบแตรส่งสัญญาณบอกทางกันในช่วงที่เป็นทางโค้งทางชัน

 ใช้เวลาไม่นานครับ ก็จะถึงลานกางเต็นท์ของหน่วยฯดอยปุย ถือว่าเป็นทำเลที่ดีมาก มีลานกางเต็นท์ มีที่จอดรถ มีห้องน้ำสะอาด มีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ คอยอำนวยความสะดวกอย่างดีมาก แต่เราขับผ่านจุดกางเต็นท์นี้ไปก่อน ก็จะถึงสถานีวิจัยเกษตรที่สูงขุนข่างเคี่ยนก็ 2 กม.เกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน ที่นั่นก็พอมีที่พักและลานกางเต็นท์อยู่ด้วย ถ้ามันเต็มก็ค่อยกลับมาที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯดอยปุย ก็ได้ครับ

สิ่งอำนวยความสะดวก

ที่พัก มีจุดกางเต็นท์ที่หน่วยยอดดอยปุย อยู่ก่อนถึงสถานีเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน 2 กม. หรือไปพักที่สถานีเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน มีบ้านให้พัก และมีจุดกางเต็นท์ ห้องน้ำห้องท่าค่อนข้างสะดวกสบาย ติดต่อที่ ศูนย์วิจัยและอบรมที่สูง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200 โทร.0-5394-4052

ร้านค้าและร้านอาหาร ควรเตรียมไปเอง หรือจะให้ทางสถานีฯ ขุนช่างเคี่ยน จัดให้ กรุณาติดต่อที่ ศูนย์วิจัยและอบรมที่สูง คณะเกษตรศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โทร.0-5394-4052

ความยากง่ายของเส้นทาง ระดับ 1 ดาว ทางแคบ

ความงามที่ยากจะลืมเลือนสันป่าเกี๊ยะ-แม่ตะมาน

สันป่าเกี๊ย-แม่ตะมาน ขาดไม่ได้สำหรับเส้นทางสายโรเมนติกของภาคเหนือ เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ เราสามารถเดินทางจากเชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่ อ.เชียงดาว แต่ก่อนถึง อ.เชียงดาว ทางด้านซ้ายมือ ประมาณ กม.ที่67-68 (จากเชียงใหม่) จะเห็นป้ายหน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมาน และสถานีทดลองเกษตรที่สูงของม.ช. ปากทางจะมีร้านลาบชื่อดัง ” แลงมาตอง ” จากนี้ต้องเดินทางอีกประมาณ 21 กม.จากตีนดอยในช่วงแรกๆประมาณ 2 กม. ก็เป็นทางลาดยาง แต่ไม่นาน ก็เป็นทางลูกรัง ขึ้นลงเขาตลอด ขึ้นไปยังหุบเขา แม่ตะมานผ่านดินลูกรังอัดแน่น ดินแดง ลัดเลาะตามไหล่เขาขึ้นไปเรื่อย ๆ คงมีแต่รถออฟโรดเท่านั้น ที่เหมาะสมกับเส้นทางแบบนี้

จากหน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมาน มาอีกเพียง 600 เมตร ก็ถึงหน่วยทดลองเกษตรที่สูงของ

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือที่ชาวออฟโรดรู้จักกันในชื่อ สันป่าเกี๊ยะแม่ตะมาน นั่นเอง ถ้าจะเรียกว่า Unseen in Thailand อีกแห่งหนึ่ง ในเขต อ.เชียงดาว ก็คงไม่ผิด  และจุดเด่นของที่นี่ก็คือ ลานกางเต็นท์อยู่ริมหน้าผา มองเห็นดอยหลวงเชียงดาวตั้งตระหง่าน พร้อมกับทะเลหมอกยามเช้าที่สวยอย่างยากจะลืมเลือน

สิ่งอำนวยความสะดวก

ที่พัก มีห้องนอนรวม แต่ขึ้นมาถึงนี่แล้วนอนเต็นท์ดีกว่า ถ้าจะนอนที่หน่วยจัดต้นน้ำแม่ตะมาน ต้องนอนบ้านปีกไม้ครับ ไม่อนุญาติให้กางเตนท์ สามารถติดต่อได้ที่ผู้ดูแลชื่ออ้วน 095539549

ร้านอาหาร ไม่มี ต้องเตรียมไปเอง

ห้องน้ำ  มีบริการ ความสะอาดพอใช้ได้

ความยากง่ายในการเดินทาง ระดับ 2 ดาว (ฤดูฝน 3-4 ดาว)

นอนนับดาวบนดินที่ “ภูแสนดาว”

ดาวบนดินที่เชียงใหม่นั้นมีอยู่ 2-3 แห่ง แต่ที่สวยที่สุด เห็นจะหนีไม่พ้น ช่วงขาลงมาจากดอยสุเทพ จะมีจุดชมวิวอยู่ด้านซ้ายมือ มองเห็นแสงไฟระยิบระยับของตัวเมืองเชียงใหม่ได้อย่างชัดเจน ดูราวกับฝูงหิ่งห้อยนับหมื่นนับแสนบินอยู่ท่ามกลางความมืดมิดอนธาร ส่วนอีกแห่งที่อยากจะแนะนำ ก็คือ ภูแสนดาว ที่ อ.ไชยปราการ ที่นี่แม้ไม่ยิ่งใหญ่อลังการเท่า แต่ แต่ถ้าผนวกเอาบรรยากาศของลมหนาวที่พัดผ่านดงดอย รวมทั้งสายหมอกพราวที่ไหลอ้อยอิ่งปูพรมไปทั่วทั้งราวป่าและขุนเขา ภูแสนดาว ก็สวยงามไม่แพ้ที่ไหนๆ ในเมืองไทยเช่นกัน แถมบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับการปลีกวิเวก ไปตั้งแคมป์พักแรมเป็นอย่างยิ่ง

การเดินทางไปภูแสนดาว ก็ให้เริ่มจากเชียงใหม่ วิ่งไปตาม ถ.เชียงใหม่-แม่ริม หรือทางหลวงหมายเลข107 ไป อ.ไชยปราการ ถึง อ.ไชยปราการ  จะมีถ. 4 เลน ช่วงสั้นๆ ให้สังเกตธนาคารออมสิน ที่ตั้งอยู่ฝั่งซ้าย ก็ชะลอรถได้เลย ปากซอยเป็นทางเข้าวัด บุญฑริกาวาส ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไป  จากนั้นก็จะมีป้ายบอกทางไป ภูแสนดาวไปตลอดทาง จากปากซอยดังกล่าวนี้ ขับต่อไปอีกแค่ 10 กม.  ก็ถึงภูแสนดาวแล้ว  แต่ถ้าหลงก็โทรไปถามได้ที่ถาม  053 871305  

สิ่งอำนวยความสะดวก

ที่พัก มีที่กางเต๊นท์เยอะพอควร  ส่วนบ้านเป็นหลัง ๆ  ก็มีแค่ 6 หลัง  ต้องโทรไปจองล่วงหน้า

ร้านอาหาร ไม่มี ต้องเตรียมไปเอง

ห้องน้ำ  มีบริการ ความสะอาดพอใช้ได้

ความยากง่ายในการเดินทาง ระดับ 1ดาว (ฤดูฝน 2-3ดาว)


เที่ยวป่าสนวัดจันทร์ – ไร่สตรอเบอรี่ บ่อแก้ว

ชื่อนี้เชื่อว่าชาวออฟโรดหลายๆ ท่านคงคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวสไตล์แคมป์คาร์ที่มีชื่อเสียงมานาน หมู่บ้านวัดจันทร์นั้น ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่หมู่บ้านเด่น หมู่ 3 ตำบลบ้านจันทร์ อ. แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 960 เมตร รวม 19 หมู่บ้าน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน เหมาะสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวและพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง และสามารถเดินทางได้หลายเส้นทางด้วยกัน

ส่วนที่บ้านบ่อแก้ว ถือว่าเป็นแหล่งเพาะปลูกและผลิตสตรอเบอรี่ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ใช้เส้นทางตามเส้นทางสายแม่ริม – สะเมิง – อช.ขุนขาน – บ่อแก้ว  เป็นถนนราดยางตลอดสาย  ระยะทางจากแยกแม่ริม ถึง บ่อแก้ว  ประมาณ 70 กิโลเมตร จากตัวอำเภอสะเมิงถึงองค์การบริหารส่วนตำบลบ่อแก้ว ประมาณ 27 กิโลเมตร

การเดินทาง…ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 107 ตรงตลาดแม่มาลัยเลี้ยวซ้าย เข้าเส้นทาง 1095 (ตลาดแม่มาลัย – ปาย) และก่อนถึงอำเภอปายประมาณ 13 กิโลเมตรตรงด่านป่าไม้ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปยังเส้นทางหมายเลข 1265 ตรงป้ายบอกทางเข้าบ้านวัดจันทร์ ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร สภาพถนนลาดยางตลอดสาย  

เส้นทางที่ 2 ทางหลวง107 (แม่ริม-สะเมิง-บ่อแก้ว-วัดจันทร์) สามารถเดินทางจากหมายเลขทางหลวง 107 เข้าอำเภอแม่ริมแล้วมุ่งไปยังทางหลวงหมายเลข 1096 ผ่านอำเภอสะเมิงไปบ้านแม่สาบ บ้านบ่อแก้ว แจ่มน้อย และเข้าหมู่บ้านวัดจันทร์ จากหมู่บ้านไปทางเส้นทางวัดจันทร์ปายประมาณ 3 กิโลเมตร โครงการฯจะอยู่ทางซ้ายมือของท่าน รวมระยะทาง 154 กิโลเมตร เส้นทางลูกรังสลับยางดำ เดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง หารายละเอียดได้ที่ http://www.fio.co.th/travel/watchan/index.htm

สิ่งอำนวยความสะดวก

ที่พัก      มีทั้งบ้านของออป.วัดจันทร์ และสถานที่กางเต็นท์

ห้องน้ำ  มีบริการค่อนข้างสะดวกสบาย

ร้านค้า   สามารถสั่งอาหารได้ที่ ออป.วัดจันทร์

ความยากง่ายของเส้นทาง 1 ดาว 

ดอยบ่อ บ่…เคยแล้งรัก

ดอยบ่อ หรือ สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง ตามพระราชดำริ ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ดอยบ่อ ตั้งอยู่บริเวณท้องที่หมู่บ้าน ลอบือ หมู่ 13 ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 956 เมตร อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยบ่อ พ.ศ. 2480 ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 บริเวณดอยบ่อซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด สภาพป่าเป็นป่าดิบเขาที่อุดมสมบูรณ์ บ่อน้ำมีน้ำขังไว้สำหรับบริโภคได้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ในสมัยนั้นได้ให้ทหาร ตำรวจ และราษฎร ขึ้นมาประจำบนดอยบ่อเพื่อเฝ้าระวังเครื่องบินที่จะมาทิ้งระเบิดจังหวัดเชียงราย โดยกลางคืนใช้สัญญาณไฟ และกลางวันใช้สัญญาณกระจกเงา เพื่อเปิดสัญญาณเตือนภัยให้ประชาชน ลงหลุมหลบภัยได้ทัน

ดอยบ่อ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเชียงราย เมื่อขึ้นไปยังที่ตั้งของโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง จะสามารถมองเห็นทะเลหมอกได้สุดลูกหูลูกตา บริเวณกึ่งกลางของตำบล ยอดเขามีบ่อน้ำ แต่ในปัจจุบันไม่มีน้ำขัง

สามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง จากศาลากลางจังหวัดเชียงราย ผ่านสะพานแม่ฟ้าหลวงไปตามถนนสายเชียงราย–บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร ระยะทาง 18 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาไปตามถนนดินถึงสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง ดอยบ่อระยะทาง 17 กิโลเมตร รวม 35 กิโลเมตร หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริ ดอยบ่อ โทร/แฟ็กซ์ 053-701417, 081-8850821

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริ ดอยบ่อ โทร. 053-701417, 01-8850821 (คุณวุฒิชัย) หัวหน้าศูนย์ฯสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริ ดอยบ่อ ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย


ดอยกาดผี ทะเลหมอก 360 องศา

ดอยกาดผี (ภูนมสาว) ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติแม่ลาวฝั่งซ้ายและแม่กกฝั่งขวา อยู่ในความดูแลของสำนักงานบริหารป่าที่ 15 หลายคนเข้าใจว่าดอยแห่งนี้อยู่ใน อ.แม่สรวย ที่จริงตั้งอยู่ในพื้นที่ของ ต.ห้วยชมภู คาบเกี่ยวกับ ต.วาวี อ.เมืองเชียงราย ติดต่อกับ อ.แม่อายและ อ.ท่าตอน จ.เชียงใหม่ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 6,250 ไร่ ได้รับการประกาศเป็นวนอุทยานดอยกาดผี เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2549 ยอดดอยกาดผีสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,250 กว่าเมตร

ปกติแล้วทะเลหมอกทั่วๆ ไป เราจะดูได้เพียง 180 องศา แต่ที่ดอยกาดผีเป็นเพียงไม่กี่แห่งในเมืองไทยที่สามารถดูได้ถึง 360 องศา เป็นแหล่งชมทะเลหมอกที่สวยงามและแปลกตามากที่สุดบนเทือกเขาดอยวาวีและเชียงราย และมุมที่สวยงามมากที่สุดอยู่บริเวณลานกางเต็นท์ สามารถมองเห็นทะเลภูเขาสลับซับซ้อนสุดลูกหูลูกตา และที่สำคัญ เราสามารถชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกในที่เดียวกัน

ส่วนชื่อของดอยกาดผีนั้น ก็มาจากภาษาพื้นเมืองที่มีตำนานเล่าต่อๆ กันมาว่า ที่นี่เป็นจุดค้าขายของบรรดาผี รวมทั้งสันดอยแห่งนี้ มีความสะอาดตลอดทั้งปี ราวกับมีคนมาคอยปัดกวาดทุกวัน ก็เลยเรียกกันว่า ดอยกาดผีนั่นเอง และเคยเป็นที่ทำมาหากินของชนกลุ่มน้อยเผ่าเมียน(เย้า)

ดอยกาดผีตั้งอยู่ห่างจากบ้านห้วยชมภูประมาณกิโลเมตรเศษๆ ในช่วงฤดูหนาวหรือฤดูแล้งรถกระบะแบบเดิมๆ ก็สามารถเดินทางขึ้นไปได้ แต่ต้องใช้ทักษะกันพอสมควร แต่ถ้าเป็นช่วงฤดูฝนเส้นทางจะลื่นพอสมควร ดังนั้นรถที่จะเดินทางขึ้นไปควรใช้รถออฟโรดจะปลอดภัยมากกว่า

การเดินทาง : สู่ดอยกาดผี

เส้นทางที่ 1 จาก จ.เชียงราย – อ.แม่สรวย – ต.วาวี จนถึงยอดดอยกาดผี ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร

เส้นทางที่ 2 จาก จ.เชียงราย – ถ.แม่จัน-ท่าตอน ถึงอนามัยบ้านท่ามะแกงเลี้ยวซ้ายขึ้นไป ระยะทางรวมประมาณ 100 กิโลเมตรเช่นกัน 

เส้นทางที่ 3 สำหรับรถออฟโรด คือ จ.เชียงราย-บ่อน้ำพุร้อนผาเสริฐ (ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร) จากนั้นเดินทางสู่บ้านแคววัวดำ-บ้านผาเคียว(อาข่า)-บ้านผาลั้ง-บ้านแสนต่อ-บ้านกกน้อย-ดอยกาดผี ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร (จากผาเสริฐ)

สิ่งอำนวยความสะดวก

ดอยกาดผีถือว่า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ ยังไม่มีบ้านพัก ไม่มีไฟฟ้าให้บริการแก่นักท่องเที่ยว แต่มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำจำนวน 6 ห้อง เอาไว้รองรับ บริเวณลานกางเต็นท์ ดังนั้นใครที่จะเดินทางขึ้นไปพักผ่อน ต้องนำเต็นท์ เครื่องนอน อุปกรณ์ให้แสงสว่าง อาหารและเครื่องดื่มขึ้นไปเอง

หลงเสน่ห์ป่าแห่งมหานทีสองแผ่นดิน “สาละวิน”

สาละวิน” มหานทีที่ไหลคดเคี้ยว เลี้ยวผ่านไปบนเส้นทางที่แตกต่าง มีชีวิต เผ่าพันธุ์ และวัฒนธรรมหลากหลายไม่สิ้นสุดไปทั้งสองฝั่งน้ำ “สาละวิน” จวบจนกระทั่งแม่น้ำสายนี้ไหลล่อง ลงสู่ทะเลอันดามันที่อ่าวเมาะตะมะ เมืองมะละแหม่ง รัฐมอญ นั่นแหล่ะจึงถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่สวยงามและท้าทายอย่างยิ่ง ที่มีโอกาสต้องไปเยือนสักครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม หาดทรายขาว ริมน้ำสาละวินกับหาดหินงาม ซึ่งจะโผล่ให้เราเห็น

การเดินทางไปยังป่าสาละวินนั้น จะผ่านจุดท่องเทท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรงพักโบราณเสาหินแม่สะเรียง สำนักงานเก่าของ บริษัท บอมเบย์ อายุประมาณเกือบๆ 100 ปี และอีกแห่งคือ สถานีตำรวจท่าตาฝั่ง(โรงพักเก่า)ริมแม่น้ำสาละวินที่สร้างเมื่อปี พ.ศ.2466

เราสามารถเดินทางจาก อ.แม่สะเรียงไปท่าตาฝั่งได้เลย ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง แต่สำหรับชาวออฟโรดส่วนใหญ่ถ้าให้ได้บรรยากาศของการขับรถ มักจะเดินทางจาก อ.แม่สะเรียง สู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติสาละวิน ระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร หลังจากนั้นก็เข้าพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติสาละวิน ขับขึ้นเนินยาวๆ ราวๆ 2-3 กิโลเมตร จนถึงสามแยกไปบ้านป่าเหว ใช้เวลาวิ่งไปราวๆ 30 นาที ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร ก็จะถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานฯบ้านศาลา และสถานที่แห่งนี้ก็คือ สำนักเก่าของบริษัท บอมเบย์ เบอร์ม่า หรือบางทีชาวบ้านแถวนั้นเรียกว่าบ้านผีสิงกลางป่าสาละวินในตำนาน

เส้นทางนี้จะขับข้ามลำห้วยกับป่าหิน เลาะข้างลำห้วยแม่กองคาและบ้านท่าตาฝั่ง ส่วนใครที่จะเดินทางต่อไปที่โรงพักโบราณท่าตาฝั่ง ก็อยู่ใกล้ๆ นั่นเอง จากโรงพักเก่าไม่เกิน 2 กิโลเมตร ก็จะถึงหน่วยฯท่าตาฝั่ง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสาละวิน เป็นจุดพักแรมที่สวยงามและเงียบสงบ มีหาดทรายขาว สลับกับโขดหินน้อยใหญ่ และชายหาดที่เป็นหินทอดยาวสุดลูกหูลูกตา

ขากลับแนะนำให้ขับรถกลับทางเส้นทางแม่สามแลบ เพื่อแวะเที่ยวชมท่าเรือแม่สามแลบ และแวะดูตลาดซื้อขายปลาสาละวินติดไม้ติดมือกลับบ้าน

ทะเลหมอกสองแผ่นดิน บ้านบุญเลอ และบ้านกลอเซโล จ.แม่ฮ่องสอน

ฤดูกาลท่องเที่ยวตามล่าหาทะเลหมอกสวยๆ ส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นจังหวัดต่างๆ ทางภาคเหนือของเรา โดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน ดินแดนแห่งเมืองสามหมอก  ที่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวชมทะเลหมอกใหม่ๆ อยู่หลายที่ด้วยกัน โดยเฉพาะที่ดินแดนแห่งปากะญอ ที่มีชื่อว่า บ้านบุญเลอและกลอเซโล ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน คำว่าทะเลหมอกสองแผ่นดิน ก็คือ เราอยู่ระหว่างสองประเทศ โดยมีแม่น้ำสาละวินกั้นกลางระหว่างไทยและเมียนม่า 

การเดินทางไปยังบ้านบุญเลอ ก็ใช้เส้นทางเดียวกับไปสาละวิน ผ่านสำนักงานเก่าของบริษัทบอมเบย์เบอร์ม่า โรงพักโบราณท่าตาฝั่ง อายุเกือบ100 ปี ระยะทางจากแม่สะเรียงประมาณ 80 กิโลเมตร แต่ในช่วงฤดูฝนเส้นทางค่อนข้างจะอันตราย เพราะเป็นภูเขาสูงชัน รวมทั้งบางช่วงต้องลงไปวิ่งในลำห้วยแม่กองคา  เมื่อถึงท่าเรือแม่สามแลบ ให้เลี้ยวขวาใช้เส้นทางบ้านห้วยแห้ง ขับเลาะแม่น้ำสาละวินไปอีก 5 กิโลเมตร เข้าสู่โหมดการเดินทางขึ้นเขาไปอีกราว 30 กิโลเมตร ก่อนถึงบ้านห้วยแห้งจะมีป้ายบอกทางเลี้ยวด้านขวามือ ไปบ้านบุญเลอ 15 กิโลเมตร  ขับเลยหมู่บ้านขึ้นไปก็จะถึงจุดชมวิวของหมู่บ้าน หรือถ้าเดินทางต่อไปเที่ยวชมจุดแม่น้ำสองสี ที่บ้านสบเมย โดยขับรถไปอีกประมาณ 9 กิโลเมตร เป็นหาดทรายกว้างใหญ่และสวยงามมาก เป็นจุดที่แม่น้ำเมยและแม่น้ำสาละวินไหลมาบรรจบกัน

ส่วนบ้านกลอเซโดนั้น  อยู่ถัดออกไปในเส้นทางนี้ มีจุดชมวิวอีกแห่งซึ่งสวยงามไม่แพ้กัน แต่ส่วนเส้นทาง ค่อนข้างอันตรายกว่าตอนมาทางบ้านห้วยแห้ง ต้องวิ่งบนสันเขาตลอดเส้นทาง ส่วนใหญ่เส้นทางนี้ชาวบ้านจะใช้เป็นขาลงเพราะระยะทางที่สั้นกว่าทางบ้านห้วยแห้ง