ตะลุยทะเลทราย Arabian Desert ที่ Dubai- Abudhabi

เมืองดูไบ (Dubai) เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates or UAE) และแถบอ่าวเปอร์เซีย มีความสำคัญทางเศรษฐกิจโดยเป็นเมืองท่าหลักแห่งหนึ่งของโลก ดูไบ ถูกสร้างขึ้นบนผืนทะเลทรายและการถ่มทะเลให้เป็นเมืองทันสมัยล้ำยุค ยังเป็นเมืองที่รวมที่สุดของโลกเอาไว้มากมาย ทั้งตึกสูงระฟ้าระดับโลก แหล่งร้านค้านานาชาติ ห้างสรรพสินค้าแหล่งช้อปปิ้งแบรนด์เนมชั้นนำ แหล่งวัฒนธรรมอาหรับที่น่าสนใจ

                ดูไบตั้งอยู่ติดกับเขตทะเลทราย จึงทำให้ช่วงหน้าร้อนอุณหภูมิจะสูงถึง 40 องศาเซลเซียส และในช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยที่ 19 องศาเซลเซียส ช่วงที่เหมาะแก่การไปเที่ยวดูไบมากที่สุดจะอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-เดือนมีนาคม อากาศไม่ร้อนและท้องฟ้าแจ่มใส หลายๆ คนมักจะถามกันเสมอว่า มีอะไรให้ท่องเที่ยวบ้าง บอกได้คำเดียวว่า เมื่อได้สัมผัสจริงๆ จะรู้สึกทึ่งกับความมหัศจรรย์ในแบบที่หลายๆ คนยังไม่รู้ และที่มันส์…สุดๆ ก็คือ การนั่งรถออฟโรดโต้คลื่นในทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งใครที่เดินทางไปจะต้องไปเที่ยวชมกันให้ได้ ไม่อย่างนั้นเหมือนเรามาไม่ถึงดูไบ

โดยเฉพาะทะเลทรายที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวได้นั้น ก็คือ ทะเลทรายอาหรับ (Arabian Desert) เป็นทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นอันดับ 4 รองจาก 1. Antarctic Desert  2. Arctic Desert  3. Sahara Desert ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของหลายประเทศในกลุ่มคาบสมุทรอาหรับ เช่น จอร์แดน อิรัก คูเวต กาตาร์ โอมาน เยเมน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,300,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งถ้าเทียบกับประเทศไทยที่มีพื้นที่ประมาณ 500,000 ตารางกิโลเมตร

สำหรับการเดินทางไปตะลุยทะเลทรายอาหรับที่ดูไบนั้น เราตัดความยุ่งยากในเรื่องของการประสานงานต่างๆ กับบริษัทรถยนต์ที่ทำทัวร์ทะเลทราย เนื่องจากทางทัวร์แทบทุกทีจะเป็นผู้จัดการประสานงานโดยตรง ราคาค่าบริการเท่าที่ทราบราคาขึ้นอยู่กับแพ็คเกจที่เลือก มีเริ่มตั้งแต่ 70 AED ( 1AED เท่ากับ 9 บาทไทย) ไปจนถึงเจ้าดังๆ ราคาค่อนข้างแพงในเครือ Emirates Airlines ชื่อว่า “Arabian Adventure” ราคาราว 200-400 dhs ขึ้นไป ซึ่งเขาจะโปรแกรมแบบนี้ว่า “Sundowner”  

การเดินทางท่องเที่ยวทะเลทรายนี้ รถจะมารับเราที่โรงแรมหรือจุดนัดหมายตามที่ตกลงกัน และออกเดินทางราวๆ บ่ายสามโมงครึ่งซึ่งอากาศไม่ร้อนมากนัก รถที่ใช้ในการท่องเที่ยวทะเลทรายก็เป็นรถ Toyota Land Cruiser VX200 เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.6 ลิตร รวมทั้ง Toyota Sequoia V8 ขนาดเครื่องยนต์ 5.7 ลิตร และที่ไม่น้อยหน้าทั้งสองรุ่นข้างต้นก็คือ Nissan Pratron V8 ส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์เบนซินมากกว่าดีเซล  รถคันหนึ่งจำกัดคนราว 6-7 คน บวกคนขับ

จากตัวเมืองดูไบมาได้ซักพัก สองข้างทางเป็นทะเลทรายกว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา  และใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที ขบวนรถทั้งหมดก็จะพักขบวนตามจุดพักรถ ที่มีอยู่ค่อนข้างมากริมทาง เพื่อให้สมาชิกได้แวะพักผ่อน จับจ่ายหาซื้อของจำเป็น  ส่วนคนขับก็จะนำรถไปปล่อยลมยางเพื่อเพิ่มพื้นผิวในการสัมผัสกับทรายที่ละเอียออ่อนมากยิ่งขึ้น เพราะถ้ายางแข็งไป อาจจะจมทรายได้ หรือในช่วงของการขับไต่เนินเอียงอาจจะพลิกคว่ำได้

Dune Bashing หรือการตะลุยเนินทราย เป็นอะไรที่คนที่นี่ชอบมาก เพราะสนุกและท้าทาย มีหลายแบบให้เลือก ทั้งนั่งรถออฟโรด หรือจะเช่ารถลุยโดยเฉพาะ ก็มีทั้งรถ UTV และ ATV รวมทั้งรถรุ่นต่างๆ หรือจะเป็นรถแบบ Quad Biking ก็ได้เหมือนกัน

ซึ่งถ้าเป็นกรุ๊ปหรือมาคณะเดียวกันก็จะออกเดินทางตามกันเป็นขบวน จะมีรถนำทาง 1 คันที่รู้เส้นทาง ขับนำด้านหน้า แต่จริงๆ คนขับทุกคนก็รู้จักเส้นทางดีกันดีอยู่แล้ว แต่เนินทรายบางช่วงมีการเปลี่ยนสภาพกันอยู่เรื่อยๆ เนื่องจากกระแสลมที่พัดแรงตลอดเวลา ไฮไลท์ของการนั่งรถออฟโรดลุยทะเลทรายก็อยู่ที่การขับรถขึ้นเนินลงเนิน ตะแคงข้างไต่เนินทราย รวมทั้งการยกล้อโชว์ช่วงล่างในบางช่วง สร้างความหวาดเสียวคนนั่ง อยู่ที่ฝีมือฝีเท้าคนขับล้วนๆ ที่ต้องมีการฝึกฝนอย่างหนัก ความรู้สึกของคนนั่งก็ไม่ต่างจากการนั่งรถไฟเหาะในสวนสนุก แต่ลุ้นกว่าเพราะมองไม่เห็นว่าเนินทรายข้างหน้าเป็นอย่างไร ฝุ่นทรายจะฟุ้งกระจายบางครั้งม้วนตัวบังรถทั้งคัน สนุกสนานและตื่นเต้นกันไปตามระเบียบ

ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเศษๆ กับการโลดโผนโจนทะยานผจญภัยอยู่บนลูกคลื่นของทะเลทราย จากนั้นคนขับจะพาขึ้นไปจอดที่จุดเนินสูงๆ เพื่อให้ทุกคนได้ผ่อนคลายและได้ถ่ายรูปทะเลทรายและพระอาทิตย์ตกสวยๆ กัน แล้วค่อยออกเดินทางต่อแบบสบายๆ ไปยัง AL SHAMSI BEDOUIN VILLAGE หรือแคมป์กลางทะเลทราย เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสบรรยากาศแบบอาราเบียนแท้ๆ หรือ สไตล์เบดูอิน “BEDOUIN STYLE” (เบดูอิน คือ ชาวอาหรับที่ชอบท่องเที่ยวไปในทะเลทราย) ทุกคนจะร่วมประทานอาหารเย็นที่มีทั้ง BBQ Buffet รวมถึงมี ชิชา (Shisha) ให้ทดลองสูบ มี Henna Painting มีให้ถ่ายรูปกับนกเหยี่ยว Falcon มีชา-กาแฟ ขนมแบบอารบิก กับลูกเดท (dates) ให้ได้ลิ้มรส รวมทั้งการแสดงโชว์ 2 ชุด รอบละประมาณ 10-15 นาที การแสดงชุดแรกชื่อ Tambura Dance อันที่สองเป็น Belly Dance หรือ การแสดงโชว์ระบำหน้าท้อง ท่ามกลางอากาศที่เย็ยสบายกลางทะเลทรายหลังอาทิตย์ลาลับขอยฟ้าไปแล้ว

ใช้เวลาอยู่ที่แคมป์ประมาณ 3 ชั่วโมงหรือ ราวๆ 3 ทุ่มเศษ รถก็จะขับมาส่งที่โรงแรม ถือเป็นการจบทริปตะลุยทะเลทรายอันขึ้นชื่อของดูไบอย่างสมบูรณ์แบบ หากใครมีเวลาลองไปหาประสบการณ์กันดูครับ โดยเฉพาะปัจจุบันราคาค่าทัวร์ ค่าเครื่องบิน รวมทุกอย่างตกอยู่ที่คนละประมาณ 30,000-40,000 บาท (ขึ้นอยู่กับโปรแกรม โรงแรมที่พักและสายการบิน)   

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *