ผาเจ็ก ผาเมย (Pha Jek Pha Moei) มหัศจรรย์แห่งสวนสรรค์และจุดชมวิวสองฝั่งโขง

ผาแต้ม พระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยาม เชื่อว่าหลายๆ คนคงคุ้นชินกันเป็นอย่างดี จากการประกาศแจ้งของกรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศในทุกเช้าอยู่เสมอ

“แน่นอนว่า ผาแต้ม หรืออุทยานห่งชาติผาแต้ม ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันสำคัญทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ของ จ.อุบลราชธานี อย่างแท้จริง แม้ว่าในอดีตชาวบ้านท้องถิ่นที่ทำกินในบริเวณใกล้เคียงป่าภูผาแต้ม น้อยคนนักที่จะเดินทางเข้าไป เนื่องจากมีความเชื่อว่า ” ผาแต้มเป็นเขตต้องห้าม ” ภูผาเหล่านี้มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นภูผาแห่งความตาย ใครล่วงล้ำเข้าไปมักมีอันเป็นไป อาจเจ็บไข้หรือเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ผาแต้มได้ถูกเปิดเผยจนเป็นที่รู้จักกันทั่วไป เมื่อคณะอาจารย์และนักศึกษาจากภาควิชามนุษยวิทยา มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้มาทำการสำรวจและค้นพบภาพเขียนสีโบราณของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีอายุราว 3,000-4,000 ปี จึงได้ทำหนังสือเสนอต่อกองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้(ในขณะนั้น) และต่อมาได้ประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2534 มีเนื้อที่ประมาณ 212,500 ไร่ เป็น อุทยานแห่งชาติลำดับที่ 74 ของประเทศไทย “

ภายในเขตของผาแต้ม นอกจากจะมีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์แล้ว ยังมีบรรดาจุดชมวิว เสาหินเฉลียงรูปทรงแปลกตาต่างๆ มากมาย ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของน้ำตกสวยงดงามน่าชมอีกหลายแห่ง โดยเฉพาะ “น้ำตกสร้อยสวรรค์” ที่มีขนาดใหญ่สูงประมาณ 30 เมตร เกิดจากลำห้วยสร้อยและแซไผตกจากยอดเขาแล้วไหลมาบรรจบกัน มองดูลักษณะคล้ายสายสร้อยจึงได้ชื่อว่า “น้ำตกสร้อยสวรรค์” และที่นี่ยังเป็นปากทางเข้าสู่จุดชมวิวผาจ็ก-ผาเมย จุดหมายปลายทางที่จะพาท่านผู้อ่านไปเยี่ยมชมครั้งนี้ด้วย

ถือเป็นทริปเล็กๆ แต่อบอุ่น ส่งท้ายปีในช่วงปลายฝนต้นหนาว หลังจากที่ผมได้มีโอกาสเดินทางร่วมไปกับ มงคล  จุลทัศน์ แห่งมงคลคาร์เซ็นเตอร์ และอดีตแชมป์ประเทศไทยและพ้องเพื่อนอีก 2 คน พร้อมด้วยชมรมเอ็นดูโร่ จ.อุบลราชธานีอีก 4-5 คัน ที่ร่วมกันสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวในการจัดกิจกรรมช่วงปลายปี ทริปนี้เราจึงใช้รถเพียงแค่ 3 คันเท่านั้น ต่างจากทริปอื่นๆ อันประกอบด้วย Toyota Land Cruiser VX-80, VX-100 และ Hilux Revo 4×4 โดยมีเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯติดสอยห้อยตามไปกับเราด้วยอีก 3 คน

จุดชมวิวผาจ็ก-ผาเมย นั้น ตั้งอยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ น้ำตกสร้อยสวรรค์ประมาณ 4.5 กิโลเมตร เปิดให้นักท่องเที่ยวซึ่งเดินเท้าและรถจักรยานเข้าไปเที่ยวชมเป็นหลัก การจะเดินทางโดยใช้รถมอเตอร์ไซต์และรถยนต์ ซึ่งก็ต้องเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อหรือรถออฟโรดเพียงอย่างเดียว ก็ต้องขออนุญาตจากทางอุทยานฯก่อนทุกครั้ง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวนี้ เต็มไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามแต่ค่อนข้างเปราะบางพอสมควรโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวตลอดสองข้างทางและราวป่าทั่วไป จะเต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้นานพรรณ อาทิ ดอกสร้อยสุวรรณา ดุสิตา กระดุมเงิน-กระดุมทอง เอนอ้า เหลืองพิศมร เป็นต้น

เราขับกินลมชมวิวแบบสบายๆ ในช่วงสายหลังจากติดต่อขออนุญาตจากทางเจ้าหน้าที่เอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยช่วงแรกนั้นเป็นลานหินเสียเป็นส่วนใหญ่ ครั้นผ่านกิโลเมตรแรกไปแล้วทางจะเลี้ยวลดข้ามลำห้วยขนาดใหญ่ โดยมีสะพานปูนทอดเชื่อมต่อ ก่อนจะตัดเข้าสู่พงป่าใหญ่ ที่ตามเส้นทางมีบ่อน้ำซับดักอยู่เป็นช่วงๆ ซอนแซมด้วยพรรณไม้ดอกต่างๆ ที่เริ่มเบ่งบานสะพรั่งโดยเฉพาะลานหินซึ่งเป็นแหล่งน้ำซับ ดอกสร้อยสุวรรณาสีเหลืองสด ดอกดุสิตาสีม่วงแซมแทรกพลิ้วไหวไปตามสายลมแลงดงามเด่นตา เราใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษๆ ผ่านลานหินและป่าโปร่งในช่วงที่สอง และเข้าสู่แนวป่าใหญ่อีกครั้ง ชั่วไม่นานทั้งหมดก็เดินทางมาถึงยังผาเจ็กอันเป็นจุดหมายแรก

ผาเจ็ก เป็นจุดชมวิวที่สวยงามแปลกตามากที่สุดของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ที่นี่เราสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าเคล้าทะเลหมอกเหนือลำน้ำโขงได้เกิน 180 องศา ไล่ยาวไกลสุดสายตาพานอรามาจะเป็นเทือกเขาฝั่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่ผาเจ็กแห่งนี้ยังปรากฏภาพเขียนสีโบราณเช่นเดียวกันกับผาแต้ม ถึงแม้ว่าปภาพเขียนจะมีจำนวนน้อยกว่าก็ตาม รวมทั้งในช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้ มีน้ำตกเล็กๆ แอบซุกซ่อนอยู่อีก 2-3 แห่ง แต่น่าเสียดายที่พื้นที่ค่อนข้างแคบไปนิด ทำให้สามารถจอดรถได้เพียง 4-5 คัน หรือกางเต็นท์พักแรมได้ไม่เกิน 10 หลัง

จากผาเจ็กเราเดินทางด้วยรถออฟโรดสุดหรูจอมลุย มุ่งหน้าสู่ผาเมยเป็นที่หมายต่อไป ซึ่งผาเมยนั้นตั้งอยู่ในแนวผาเดียวกัน โดยเราขับลัดเลาะไปตามทางตรวจป่าของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 15 นาที ผ่านลำห้วยหินเล็กๆ และเส้นทางน้ำซับ ก็ถึงผาเมย ซึ่งลักษณะสัณฐานก็ไม่แตกต่างจากผาเจ็กเท่าไรนัก แต่มีมุมมองที่ค่อนข้างกว้าง ในบางเหลี่ยมมุมก็แตกต่างจากผาเจ็ก และที่สำคัญที่ผาเมยถือเป็นแปลงพรรณดอกไม้ป่าที่มีขนาดใหญ่และมีความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง เหมาะสำหรับการกางเต็นท์แรมคืน กินลมชมดาว และชมทะเลหมอกในช่วงฤดูหนาวเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเราพิรี้พิไรนั่งกินลมชมบรรยากาศที่ผาเมยอยู่นานพอสมควร จนตะวันบ่ายคล้อยจึงเดินทางกลับ หลังเก็บเกี่ยวความประทับใจจนอิ่มแปร้

นี่แหละครับ ผาเจ็ก ผาเมย เส้นทางเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความหมาย และธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ที่รอคอยนักเดินทางเข้าไปท่องเที่ยว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ที่จะเดินทางเข้าไป ไม่ว่าจะทางรถยนต์ ทางรถจักรยานยนต์ หรือแม้แต่ทางเท้า ต้องติดต่อสอบถามและขออนุญาตจากทางเจ้าหน้าที่ก่อนทุกครั้ง เป็นการให้เกียรติและให้ความและความเคารพสถานที่ ซึ่งถือว่ามีความสวยงามและเปราะบางมากที่สุด